LiFe style

การเดินทางของโรค      ห่างหายจากการเขียน Blog ไปนาน เพราะว่าหมดไฟในการเขียน วันนี้ว่างๆก็กลับมาอีกครั้ง จากการเขียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ เป็นการเขียนเรื่องการเดินทางในเส้นทางใหม่ของตัวเอง ในเส้นทางของผู้ป่วย โรคมะเร็ง …..      สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ก็ต้องทำเอง แต่คงไม่มีใครที่จะคาดคิดว่า คนที่สุขภาพดีมาตลอด จนวันนึงเกิดเจ็บป่วย หาสาเหตุไม่ได้ และสุดท้ายก็เกือบจะเดินไม่ได้ จนตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง ในระยะที่ 4 แล้ว …..     ถาม-ตอบกับบิ๊กเอ็ม ตอนนี้เป็นโรคอะไร : มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4 ก็นอกจากต่อมน้ำเหลืองก็ลุกลามไปที่ ตับ ปอด ไขกระดูก อาการเป็นยังไง : ตอนนี้ก็ยังไม่เจ็บไม่ปวดอะไร มีชาส่วนล่างมาตั้งแต่ตอนเริ่มมาตรวจ ทำให้เดินลำบาก อาการแรกเริ่ม : เริ่มจากฉี่บ่อยและชาปลายเท้า เป็นไข้หนาวสั่นตอนกลางคืนเกือบทุกวัน มีก้อนที่คอ รักแร้ ขาหนีบ และน้ำหนักลดลงไปมาก ตอนไปตรวจครั้งแรก ผลตรวจเป็นภาวะโลหิตจาง เพราะเม็ดเลือแดงต่ำและชาปลายเท้า จนวันนึงชาขึ้นมาถึงเอวและเท้าบวมมาก เลยไปตรวจที่ร.พ.เอกชนถึงรู้ว่าเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่รู้ระยะเพราะต้องรอผลการย้อมสีของ Box Slide หลังจากรู้

  ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้เขียนเรื่องราวสักที จนวันนี้มารื้อฟื้นเกี่ยวกับการเดินทางในประเทศญี่ปุ่นก็เลยกลับมาเล่าอีกครั้ง ไม่ง่ายนะที่จะมีโอกาสได้พาแม่อายุ 70 ปี และคุณน้าที่อายุ 60 ปลายๆไปต่างประเทศด้วยตัวเอง ข้อจำกัดอะไรมันมากมาย อย่างเช่นเดินไกลมากๆ ไม่ได้ เรื่องภาษาก็สำคัญที่บิ๊กเอ็มพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คุณแม่ไม่ได้เลย คุณน้าก็ได้บ้าง และอาหารการกิน แต่ก็ทลายข้อจำกัดเหล่านั้นเช่น เลือกประเทศที่สะดวกและมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ จัดทริปง่ายๆ แลนด์มาร์คอาจจะไม่ครบ แต่เที่ยวให้ทั่วถึง และคุ้มกับเงินที่จ่าย หากต้องเดินไกลก็เลือกที่จะนั่ง Taxi โรงแรมใกล้สถานีรถไฟหรือระบบขนส่ง ภาษาที่ไม่ได้ก็ใช้กูเกิลแปลเอา ถ้าจะกินอาหารก็ถ่ายรูปตัวอย่างหน้าร้านแล้วยื่นให้พนักงานดู และทริปนี้ก็ออกมา โดยคิดว่าเมื่อไปญี่ปุ่นแล้วคิดถึงอะไร และอะไรที่แม่และน้าน่าจะชอบ 1.ฟูจิ 2.ซากุระ 3.หิมะ 4.กิโมโน 5.รถไฟความเร็วสูง 6.วัด วัง และแผนก็ออกมาโดยเลือกสายการบินที่ครบ บริการดี ถ้าต่อเครื่องก็ไม่นานจนเกินไป เลยได้สายการบินหนึ่งที่แวะต่อเครื่องที่ประเทศฮ่องกง การเดินท