My Unforgettable travel story :กาลครั้งหนึ่ง ณ เมือง มะละแหม่ง,เมาะลำไหญ,Mawlamyine

ปัณฑ์  จันทร์แก้ว (บิ๊กเอ็ม)
อายุ 23 ปี ประเทศไทย
..................................................................................................................................................................
การเดินทางนั้นที่ฉัน จะไม่ลืม
         เพราะว่าเป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบหาอะไรใหม่ๆ หากจะกล่าวถึงการท่องเที่ยวที่ไม่รู้ลืมแล้ว ก็อาจจะบอกได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งต่างมีความประทับใจที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวทะเล หาดทรายละเอียดสีขาว น้ำทะเลสีเขียวมรกต หรือการท่องเที่ยวต่างประเทศเช่น เกาหลีเมื่อปีที่แล้วที่ทำให้ฉันได้เจอเพื่อนๆที่น่ารักจากประเทศต่างๆ ได้เจอพี่ที่แสนดีที่ช่วยดูแลตลอดทริป ได้ชิมอาหารรสเลิศ ได้นั่งบนสายการบินที่เป็นสายการบินดีเยี่ยม ได้เยี่ยมชมสถานที่แปลกใหม่ที่คนธรรมดาอย่างฉันไม่คิดว่าจะได้สัมผัส ก็ทำให้ลืมเรื่องราวดีๆเหล่านั้นไม่ได้ และหวังว่าจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์แบบนั้นอีกครั้ง แต่ในวันนี้ฉันขอเล่าถึงการท่องเที่ยวครั้งล่าสุดที่จะลืมไม่ได้คือการได้ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงประเทศไทย คือ “พม่า”
...................................................................................................................................................................
กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองมะละแหม่งความประทับใจไม่รู้ลืม
             กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อไม่นานมานี้ฉันได้ไปเที่ยวที่ Malamyine เมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศพม่า ซึ่งอยู่ในรัฐมอญ เมื่อไปถึงฉันรับรู้ได้ทันทีว่า แม้จะดูเหมือนเมืองธรรมดาแต่ต้องมีอะไรที่มากกว่าที่ฉันเห็นเป็นแน่ แต่นั้นก็จริง เพราะฉันสัมผัสได้ถึงความประทับใจ 5 สิ่ง

1. ภูมิประเทศทั่วไป

          มะละแหม่งหรือเมาะลำไหญ นั้นเป็นเมืองที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารแลัในด้านเชิงพาณิชย์ของรัฐมอญ เมืองที่ฉันได้พบครั้งแรกนี้เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมของยุโรปอยู่ทั่วไป ทุกมุมเมือง รูปทรงบ้าน ศาสนสถาน แปลกตาจากที่ฉันเคยเห็น ผู้คนที่นี่นับถือศาสนากันหลากหลายทั้งพุทธ คริสต์ ฮินดูและอิสลาม  หากจะชมวิวทั้งเมืองต้องขึ้นไปใกล้พระธาตุไจ๊ตาลั่น จุดนั้นจะมองเห็นทั้งเมือง สะพานตาลวิน เมาะตะมะ แม่น้ำสะโตง แม่น้ำสะโตงเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ผ่ากลางเมือง มีความยาวประมาณ 420 กิโลเมตร และไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่อ่าวมะตะบัน เมื่อมองจากมุมนี้ทำให้ฉันนึกถึงแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเทพ และแม่น้ำฮั่นที่เกาหลีที่ไหลผ่ากลางเมืองเหมือนกัน หากไปชมแม่น้ำสะโตงใกล้ๆก็สามารถทำได้ เมื่ออยู่ริมแม่น้ำเวลาเย็นมันช่างโรแมนติกมากหากได้มาชมพระอาทิตย์ตกกับคนที่เรารักที่นี่ แต่ก็อาจเหงาหากมาคนเดียว อากาศเย็นๆทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ฉันเดินไปเรื่อยๆ ก็พบเจอ...ผู้คน


2. ผู้คน

          จากการสังเกตด้วยตาผู้คนที่นี่มีหลากหลายลักษณะผสมปนเปกันทั้งมอญ บามาร์ และคะยิ่น แต่สิ่งที่มีเหมือนกันของคนที่นี่คือ แป้งสีเหลืองบนใบหน้าหรือที่เรียกว่าทานาคา ฉันคิดว่าสรรพคุณมันคงดีมากเพราะมีประวัติการนำมาใช้ยาวนาน ใช้กันเกือบทุกคน และมีติดไว้ในบ้านกันทุกหลัง ฉันนำมาลองก็รู้สึกดีเช่นกัน ผู้คนที่นี่มัดใจฉันด้วยรอยยิ้มและความมีน้ำใจ  และการดูแลอย่างดี อีกทั้งยังสอนให้ฉันเรียนรู้อะไรหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการสวมโสร่ง(galoute) ซึ่งถือได้ว่าได้ว่าเป็น ...ชุดประจำชาติ


3. ชุดประจำชาติ

          ผ้าที่ผู้ชายใส่เรียกว่า “galoute mon” ส่วนผู้หญิงผ้าของผู้หญิงจะเรียกว่า “ganame mon” ฉันได้ลองใส่บ้างแต่ก็ต้องใส่กางเกงซ้อนไว้เพราะจะได้ไม่เป็นภาระสายตาแก่ผู้พบเห็นถ้าเกิดหลุด หากสังเกตดีๆ โสร่งมอญกับพม่าจะต่างกัน มอญเรียก “galoute” พม่าเรียก “Longyi” แต่ก็คือสิ่งเดียวกันแต่เรียกต่างกัน Longyi พม่ามีหลายสีเช่นเดียวกับมอญแต่คนมอญส่วนใหญ่จะใส่สีแดงเลือด เพราะสว่างกว่าและยังแสดงถึงความกล้าหาญ  โสร่งมอญมีแถบตรงกลางเป็นสีขาว ซึ่งแตกต่างจากโลงจีพม่าที่ไม่มีแถบ ไม่ว่าจะงานเทศกาลไหนก็นิยมใส่โลงจีกัน เย็นนั้นฉันก็พบโสร่งอีกครั้งที่ร้านที่ขาย....อาหาร  


4. อาหาร

         อาหารทะเลราคาไม่แพงเหมือนที่ฉันคิดไว้ ฉันสั่งอาหารไทยมาทาน ถ้าเป็นเมืองไทยคงจะแพงกว่าประมาณสามเท่า สำหรับอาหารพม่าที่ฉันชอบคือโมวซา(mow sa)เพราะมีลักษณะคล้ายอาหารไทยชนิดหนึ่งคือขนมจีน โมวซาเป็นเส้นสีขาวราดด้วยน้ำแกงที่ทำมาจากหยวกกล้วย ใส่ผัก ใส่ไข่ แล้วโรยด้วยแป้งทอดกรอบ ปรุงรสด้วยพริก น้ำตาล น้ำปลาตามใจชอบ อย่างที่สองที่ฉันถูกใจคือ หน่อไม้ต้มคลุกใบกระเจี๊ยบ รสชาติกลมกล่อมออกเปรี้ยวนิดๆ มื้อเช้าที่นี่คนส่วนใหญ่มักจะทานกาแฟ ปาท่องโก๋ ขนมปัง และน้ำชา แต่ขอแนะนะอย่างนึง อาหารตอนเช้าหากเป็นวันพระร้านส่วนใหญ่รวมถึงตลาดมักจะปิด เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะนิยมไปทำบุญกันที่...วัด   


5. วัด


          อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจที่เมาะละแหม่งคือการได้เห็นวัดเจดีย์รูปทรงแปลกตา คนที่นี่เก่งมากที่ยังรักษาไว้ได้จนถึงรุ่นลูกหลาน ที่นี่ฉันได้ทำบุญช่วยวัดเพื่อบำรุงซ่อมแซมไปหลายที่ วัดในประเทศพม่านั้นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือไม่ควรใส่ลงเท้าลงไปเหยียบพื้นวัด ฉันใช้วิธีถอดรองเท้าไว้ในรถแล้วเดินไปลง วัดแรกที่ฉันได้ไปคือ


1. วัดป่าวินเส่งตงยะ

          จุดเด่นของวัดนี้จะอยู่ที่พระพุทธรูปปสงไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีความสูงถึง 180 เมตร และ มีความยาว 400ฟุต ตามทางเข้าจะมีพระพุทธรูปมากกว่าร้อยองค์ ภายในจะเป็นอุโมงค์แสดงประวัติของกษัตริย์ และกฎแห่งกรรม ขณะนี้กำลังสร้างอีกด้านเป็นพระนอนหันหน้าเข้าหากัน



2. Uzina pagoda

            ฉันคิดว่าอูซินาเป็นวัดที่ทรงเจดีย์มีความสวยงามมาก เห็นสีทองเด่นเป็นประกายอยู่กลางวัดแม้จะอยู่ไกลๆ ระหว่างทางขึ้นไปบนวัดฉันจะมองเห็นอาคารไม้ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมทรงพม่า ที่มีลวยลายอ่อนช้อยและไม้แกะสลักที่มีความปราณีต หากเดินชมรอบวัดจะเห็นวิวของเมืองมะละแหม่งอีกด้านนึง ซึ่งบรรยากาศโดยรอบก็สวยไปอีกแบบ


3. Oo khan te ma har myat mu ni pagoda 

          ที่เห็นในภาพใหญ่คือพระมหามัยมุณี วัดนี้สร้างขึ้นในขณะที่ยังอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษ  โดยมีพระโอคานทีเป็นผู้สร้าง เสาแต่ละต้นของวัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นเพราะทำด้วยเหล็กที่มาจากเมืองมัณฑเลย์  (พระโอคันที ภาพมุมบนขวา)




4. Kite tan lan pagoda 

          วัดไจ๊ตาหลั่น เป็นวัดที่ใหญ่มากเพราะสร้างอยู่บนภูเขา ในอดีตหากจะขึ้นไปคงเดินเดินเป็นพันก้าว แต่ปัจจุบันมีลิฟท์ให้บริการแล้ว ด้านบนจะมองเห็นเมืองมะละแหม่งในทุกๆด้าน ที่นี่มีสิ่งสำคัญสองอย่างคือพระเกศาของพระพุทธเจ้าที่บรรจุอยู่ในองค์เจดีย์และพระทันตธาตุที่อยู่ในกรงด้านนอก  ชื่อไจ๊ตาลั่นน่าจะมาจากชื่อพระนอนองค์ใหญ่ข้างๆที่ชื่อ shwe tar lyoung wut taw kyi


          วัดต่างๆในประเทศพม่าที่ฉันได้ชมนั้นมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ดูใหม่อยู่เสมอไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี จึงทำให้ฉันรู้สึกประทับใจในความศรัทธาพระพุทธศาสนาของชาวพม่าที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน

          จบแล้วสำหรับเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวในพม่าของฉัน ในที่ที่แปลกตา บรรยากาศที่แปลกใหม่ ผู้คนที่ไม่คุ้นหน้า อาหารที่ไม่คุ้นเคย ชุดที่ไม่คุ้นชิน   สร้างความประทับใจจนยากที่จะลืม ความประทับใจในด้านต่างๆหล่อหลอมเป็นสิ่งเดียวกัน จนอาจยกให้เป็น “My Unforgettable travel story"
สวัสดี


Thank you ...

อ่านเรื่องราวอื่นๆได้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ