เบิ่งธรรมชาติที่วังเวียง เงี่ยหูฟังเสียงสายน้ำซอง : Vangvieng @Laos

"เขาหินปูนตระหง่าน ธรรมชาติงามตา กิจกรรมมากมายนักหนา ต้องแวะมา...วังเวียง"


    สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศลาวนั้น แต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ต่างกันออกไป หลังจากที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมาเยอะ ทั้งจากหลวงพระบาง จากเวียงจันทน์ วันนี้ว่างๆเลยเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวชมธรรมชาติกันบ้าง หลังจากค้นหาไม่นาน ก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งนึงในประเทศลาว นอกจากฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่นแล้ว ปัจจุบันก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวผจญภัยชาวไทยจะต้องทำ เครื่องหมายว่าต้องมาที่นี่กันด้วย

"วังเวียง"


     การเดินทางมาในปัจจุบันนั้นไม่ยาก มีรถทัวร์จากไทยก็มีมาถึงที่เมืองนี้ แต่ส่วนของผมนั้นเนื่องจากทำงานที่ลาวอยู่แล้วจึงเหมารถตู้มากับพี่ๆที่ รู้จัก และพี่ที่จะรู้จักกันในอนาคต นัดรถตู้มารับหกโมงเช้า ผมก็ตื่นมาแต่ตีห้าเตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็ออกไปรอรถ รอแล้วรออีกถึงเวลาก็ยังไม่มา จนเกือบๆแปดโมงรถก็มาถึง บอกว่าติดหมอก เอิ่ม..... ขึ้นรถได้ก็หลับทันที เพราะจากไซยบุรีไปวังเวียงก็ไกลโข ต้องผ่านเขา โค้งซ้ายขวา สะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนคนขับจอดให้ลงไปถ่ายรูป ทิวเขาข้างทาง

     แล้วก็ไปต่อ ระหว่างทางสวนกับนักปั่นจักรยานชาวไทยตั้งหลายคน ดูไปก็คิดในใจว่าเค้าเก่งมากๆที่ปั่นกันได้ขนาดนี้ เพราะทางขึ้นภูเขาชัน มองซ้าย มองขวา ข้างทางก็มีร้านขายส้มตั้งลายร้าน ได้ยินพี่ๆเขาบอกกันว่าส้มกาสี ผิวเกลี้ยงและรสชาติดี แต่ก็ไม่ได้จอดแวะซื้อเพราะรอมาซื้อขากลับ นั่งดูหลักกิโลเพลินจนใกล้เข้าสู่เขตวังเวียง ข้างทางจะมีร้านขายของป่าอยู่ มองผ่านๆเพราะจะแวะตอนขากลับ ข้างทางตอนนี้เห็นภูเขาหินปูนตระหง่าน เรียงติดๆกันสวยมากเลยครับ นั่งดูไปเรื่อยๆจนมาถึงที่พักของพวกเรา ว้าววววว ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วย น้ำใสเชียวอยากโดด แต่รอเย็นๆ เก็บข้าวของถ่ายผ้า เข้าไปหาอะไรกินแล้วก็ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกนั่นก็คือ...

ถ้ำจัง :สวยจนจังงัง


ก่อนจะไปถ้ำต้องผ่านสะพานส้มนี้ก่อน

สายน้ำซอง / ผ่านสะพานมาจะเจอร้านขายข้างทางแบบนี้

ก่อนจะเข้าชมต้องซื้อปี้กันก่อน / ทางขึ้นขั้นบันไดเยอะมาก แรกๆก็นับแต่พอขั้นสูงเหนื่อยเลยลืมนับ

ถึงทางเข้าแล้ว

ข้างในถ้ำสวยมากๆเลย ตะลึงงึนงัน

เดินต่อๆไปจะมีจุดที่สามารถชมวิวเมืองได้

บูชาธูปเทียน / เล่นกับเงา


     ขอบอกเลยว่าสวยมากเลยครับ และผมคิดว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ชมง่ายสุดและสะดวกที่สุดในบรรดาทุกถ้ำที่ได้ไปชมในวังเวียง เพราะมีไฟให้ มีทางเดินให้ หลังจากชมเสร็จก็ได้ไปกันต่อที่...

ถ้ำลม : สายลมพัดพา

     การเดินทางไปยังถ้ำลม เมื่อจอดรถไว้ที่จุดจอดแล้วก็ต้อง...

ข้ามสะพานนี้ไปก่อน และไม่ควรพกของไปเยอะ น้ำดื่มสำคัญมาก

 
     เดินตามป้ายไปจนถึงทางขึ้น จ่ายค่าเข้า รับไฟฉาย และดูให้ดีว่ามีแบตมากพอหรือเปล่า ผมถามยายคนที่เก็บค่าเข้า ยายบอกว่า 5 นาทีก็ถึง ทางเดินนี้สุดแค่ต้นไม่ใหญ่ ในใจผมก็คิดแล้วว่าชิลๆ คงใกล้ถึงปากถ้ำ แต่!!! ความจริงแล้วคือ ทางเดินสุดแค่ต้นไม้ใหญ่จริงๆ หลังจากนั้นเราต้องปีนป่ายตามก้อนหินขึ้นไป หอบแฮ่กๆ จนในที่สุดก็ถึงปากถ้ำ นักพักแปบนึงก้ได้เวลาเข้าไปสำรวจ

     ในถ้ำมืดมากควรเดินด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรมาคนเดียว ควชวนกันมาหลายๆคน หินงอกหินย้อยแปลกตาดี

     มีรอยประทับจากใครหลายคนมาก แต่ไม่มีของผมนะ เดินๆไปเจอทั้งน้ำ ทั้งดิน รวมกันเป็นโคลน เดินดีๆระวังลื่น โดยเฉพาะโรงเท้ายางควรระวังตัวเป็นพิเศษ บางทีไม่ลื่น แต่จะติดหนึบกับโคลนทีเดียวเลยเชียว และหากเพื่อนล้มถ้าอยากจะช่วยก็ต้องระวังเพราะตอนที่ผมไปเจอคนล้มกันเป็นโดมิโน่มาแล้ว


 

ยิ่งลึกก็ยิ่งแปลกตา ผนังถ้ำก็ยิ่งต่ำ ตอนมุดๆ ระวังหัวโขกกันด้วยครับ

     ใช้เวลาในการท่องเที่ยวที่นี่ถือว่าเยอะพอสมควร เพราะเข้าออกยาก ไม่มีไฟตามทาง ทางเดินดีเป็นบางจุด บางจุดก็อันตราย ผมเกือบลื่นหลายครั้ง ยิ่งลึกผนังถ้ำก็ยิ่งต้ำต้องย่อตัว แต่มาถึงวังเวียงทั้งทีก็ต้องแวะมา

     หลังจากออกจากถ้ำมาได้ก็แวะไปหาไรกินในเมือง กลับที่พักเพื่อเติมพลังไว้สำหรับ...

ผับ


     อาบน้ำปะแป้งแต่งตัวเสร็จก็ออกไปดูกันหน่อยว่าผับที่นี่เป็นยังไงนะ ช่วงที่ออกไปก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆ เดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงผับ บรรยากาศข้างในก็เหมือนผับทั่วไป มีไฟมีแสงสี แต่จะแดนซ์ก็แดนซ์ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่เพราะเค้าเปิดคาราโอเกะสลับกับเพลงแดนซ์นะสิ แต่ก็ดีที่ลูกค้าจะได้ร่วมมือด้วย พอถึงสี่ทุ่มนั่นแหละสวรรค์เลย ปิดคาราโอเกะแล้วเปิดแต่เพลงแดนซ์ ยักย้ายส่ายสะโพก โยกลีลา จนเกือบๆเที่ยงคืนก็กลับ เพื่อไปพักผ่อน

    คิดถึงชื่อผับนี่ก็ยังขำขำอยู่นะ ตอนเราไปแอบถามชาวบ้านว่ามีผับไหนน่าสนใจ เค้าบอกว่าผับนี้แหละ ส่วนผมได้ยินเค้าพูดว่า หาดบีช เพราะเมืองวังเวียงติดน้ำซองก็เลยคิดว่าคงเป็นผับที่มีหาดทราย อยู่ติดริมน้ำไรแบบนี้ แต่ไม่ใช่เลย ผมเข้าใจผิด เพราะจริงๆแล้วชื่อผับคือ ฮาร์ทบีช ที่แปลว่าจังหวะหัวใจ ไม่ใช่หาดบีชตามที่ผมได้ยินมา 555

     ถึงที่พักคืนนี้ก็ปิดไฟใส่กลอน เข้านอนลัลลาเพราะว่าต้องไป...

ถ้ำปูคำ: ที่ชื่อว่าปูคำเพราะช่วงสงกรานต์จะมีปูสีทองออกมา ถ้าใครได้เห็นถือว่ามีบุญ

     สายๆของวันถัดมาก็ได้มาถ้ำปูคำ นักส่วนใหญ่มาที่นี่เพราะมาเล่นน้ำกันที่บลูลากูน 


  ก่อนจะขึ้นถ้ำต้องเสียค่าอะไรบ้าง
-ค่าสะพาน 2 ครั้ง -ค่าชมถ้ำและอุปกรณ์ 10 พันกีบ

     ก่อนจะขึ้นไปชมถ้ำก็เช่าอุปกรณ์ให้พร้อม ผมถามยายที่นั่งตรงทางขึ้นว่าไกลไหม ยายบอกว่าเดิน 5 นาที ผมก็คิดถึงเมื่อวานตอนขึ้นถ้ำลม 5 นาทีของยาย แต่หลายนาทีของผม เดินไปหอบไป จนถึงปากถ้ำ

     การเดินภายในถ้ำปูคำนี้ต้องเดินด้วยความระมัดระวังครับเพราะภายในหินเยอะ แต่งตัวรัดกุมสักนิด

 
  ตอนเข้ามายังมีแสงอาทิตย์ แต่ผมจะเข้าไปตามทางไปช่องมืดๆนั้น เอาไฟฉายครอบหัว เปิดไฟ ลุยกันเลยยยยยยย+++

     ภายในถ้ำก็มีหินหลายๆแบบ ทั้งก้อนใหญ่ ก้อนเล็ก มนุษย์เอามาเรียงกันก็มี



มีน้ำหยดลงมาด้วย / ชอบหินแบบนี้จัง วาววับจับตา

     เดินจนสุดถ้ำจนเดินต่อไปไม่ได้ ก็ย้อนกลับมาทางเดิม แล้วออกไปสู่โลกภายนอก สำหรับคนที่มาที่นี่นอกจากจะมาชมถ้ำแล้ว ยังมีกิจกรรมโหนสลิงด้วย แต่ราคาก็แพงอยู่ ผมเลยเลือกที่จะเล่นน้ำเพราะฟรี

     จะว่าเล่นน้ำฟรีก็คงไม่ใช่เพราะผมเสียค่าเช่าชูชีพด้วยนะชั่วโมงละ 10พัน ใช้จนคุ้มเลยครับ แต่เล่นน้ำเฉยๆก็ไม่ใช่ผมหน่ะสิ ในภาพจะเห็นอุปกรณ์ในการเล่นน้ำสามอย่าง อันแรกคือโหนเชือกกับไม้แล้วก็โดดลงน้ำ อันที่สองคือกิ่งไม้ยาวๆอันล่าง และอันที่สามคือกิ่งไม้อันบน ผมเล่นมาหมดแล้ว แต่กิ่งไม้อันบนเสียวมากจริงๆ ยึกๆยักๆจนพี่ๆทักว่า ลุ้นตั้งสามครั้งแหน่ะกว่าจะโดด "ก็มันเสียวหนิพี่" พอเพลียๆก็กลับเข้าเมือง

     และตอนบ่ายก็ไปทำกิจกรรมที่อยากทำมากนั่นก็คือ...

พายเรือคายัค
    กิจกรรมทางน้ำเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ปรารถนาเมื่อมาเที่ยวที่วังเวียง การพายเรือคายัคกับล่วงห่วงยางก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรพลาด ทริปนี้ผมเลือกที่จะพายเรือในราคา 75000 กีบ แต่น้องที่รู้จักเลือกเป้นแบบวันเดย์ทริป ล่องเรือ ถ้ำน้ำ และพายเรือคายัคในน้ำน้ำซอง 11000 กีบ
    
     เริ่มต้นที่จองเรือในตัวเมืองวังเวียง หลังจากนั้นก็รอรถตุ๊กๆมารับเราไปส่งที่บริเวณจุดออกตัว เมื่อไปถึงก็เก็บของในวอเตอร์ฟรู๊ฟ สวมชูชีพฟังคำแนะนำและออกตัว

     การพายเรือก็แล้วแต่เราจะเลืกว่าจะพายสองหรือพายสามคน พี่ๆที่มาด้วยเลือกสาม ผมว่าก็ดีนะสามคน ช่วยกันพายสลับกัน สองคนพายอีกคนถ่ายรูปไรแบบนี้

     เป็นอะไรที่ชอบอะ พายเรือชมธรรมชาติ มีบางจุดที่เป็นบาร์ เมื่อก่อนมีมากกว่านี้แต่ปัจจุบันเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว บาร์ต่างๆริมแม่น้ำก็ปิดกันเกือบหมด

 
      ไปได้ครึ่งทางก็ต้องเอาน้ำในเรือออก เพราะจุกปิดเรือหาย เหตุการณ์ระทึกอยู่ที่ เรือของพี่ที่บริษัทที่มาด้วย น้ำเยอะเกิน ทำให้เรือพลิก เปียกกันหมด 555 คืออีกนิดเดียวจะถึงจุดพัก พลิกเลย พอเอาน้ำออกเสร็จก้ไปต่อ พายๆไปเรือหมุนบ้าง ชนหินบ้าง แต่ที่ต้องระวังคือไม้พาย ถ้าทำหักเสียเงิน!!!
 
      เห็นเรือของพี่ๆพลิกละก็แอบเสียว เพราะเรือที่พายเริ่มถ่วงไปด้านหลังเพราะน้ำเข้ามามาก พี่ที่ไปด้วยถามว่าจะไปต่อไหมหรือจะเอาน้ำออกก่อน ผมบอกว่าพายไปให้ถึงเถอะอีกนิดเดียวเอง ก็พยายามเร่งฝีพายจนเห็นจุดที่เรือจอดรวมกัน แล้วก็พายมาถึงฝั่ง ทริคง่ายที่เพิ่งรู้คือ ต้องเอาคนตัวเบาไว้หลัง ตัวหนักไว้หน้า

     ใช้ร่างกายหนักมาก ทั้งเดินขึ้นถ้ำ ว่ายน้ำ พายเรือ พอถึงที่พัก กินข้าว เมื่อหลังสัมผัสกับฟูก หลับเลย เช้าวันต่อมาก็ลงมาว่ายน้ำเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับ เมื่ออยู่ทางผ่านก็แวะกันต่อที่...

ถ้ำน้ำ :

     ถ้ำน้ำเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมาก เมื่อถึงจุดจอดก็ลง เอาสัมภาระไว้บนรถแล้วเดินตามทาง ระหว่างทางก็เห็นว่าคนที่จะพายเรือหรือล่วงห่วงยางก็มาเริ่มกันที่นี่ เดินลัดเลาะตามหมู่บ้านไปจนเจอ
...

    ทุ่งนาแบบนี้ก็เดินไปตามทาง ระวังหลงออกนอกเส้นทางนะครับ เพราะทางแยกก็มี แต่ป้ายบอกทางไม่มีถ้าหาไม่เจอก็เดินตามเสียงคนไปเดี๋ยวก็เจอ ผมก็เดิน เดิน เดิน เดิน จนไปถึงรอบๆถ้ำ

     เนื่องจากไปเช้าก็เลยยังไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่ สำหรับวิธีการชมถ้ำน้ำก็คือต้องล่องห่วงยาง แล้วเลาะไปตามเชือก ถึงแม้ข้างในจะมืดแต่ก็อย่ากลัวไปเลย ตอนเราเช่าห่วงยางเราก็จะเช่าไฟฉายด้วย ทำให้มองเห็นทางข้างหน้า ตอนเข้าไปก็กลัวแหละแต่ก็เกาะๆตามกรุ๊ปทัวร์ของคนอื่นไป สนุกดี แอบลุ้น เพราะเชือกมีเส้นเดียวบางช่วงต้องปล่อยให้กรุ๊ปที่จะเข้ามา แล้วต้องตีน้ำใส่กันด้วย ชอบมากๆๆๆๆ ถึงจะไม่ค่อยมีกระจิตกระใจในการชมถ้ำแต่เป็นประสบการณ์ที่ดี

     ตอนที่ผมเข้าไปไม่ค่อยมีคน พอออกมาแอบตกใจเพราะคนเยอะมาก ออกมาแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำข้างๆ (เสียเงินด้วย) หลังจากออกมาจากถ้ำก็อาจจะปวดแขนบ้างแต่ก็นะ นานๆที นอกจากล่องห่วงยางใครมีงบเยอะหรืองบเหลือก็มีสลิงผาดโผนให้โหนกันด้วย

     ขากลับก็แวะชมถ้ำตรงทางเข้าเพื่อไหว้บูชาพระ แล้วก็ข้ามสะพานกลับไปที่รถเพื่อเดินทางกลับเมืองที่ทำงานอยู่

สถานที่พัก

     ทั้งสองคืนที่อยู่ที่วังเวียงนั้นผมพักที่อินดาวง เพราะการท่องเที่ยวครั้งนี้ผมต้องการพักผ่อนเลยขอเลือกมาพักไกลตัวเมืองหน่อย ถึงจะไกลแต่บรรยากาศดี๊ดี มีสระว่ายน้ำ ไวไฟฟรี ห้องก็ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป มีแอร์ มีพัดลม ในราคาที่ไม่แพง



อาหาร การกิน อาจจะรู้สึกว่าแพงแต่สำหรับเมืองท่องเที่ยวแล้วราคาก็ประมาณนี้ทุกเมืองแหละ ครับ ร้านในเมืองมีให้เลือกเยอะเลย ทั้งเฝอ อาหารไทย อาหารฝรั่งมีให้เลือกตามเมนู แต่มาที่นี่ผมเลยลองกินร้านแบบที่เห็นฝรั่งนั่งกัน มื้อนั้นจ่ายไป 100 บาทหรือประมาณ 25000 กีบ แต่ภาพนี้ข้าวหมูแดงครับ


ร้านแบบนี้ที่อยากนั่ง



ปิ้งย่างแคมทางก็แซ่บหลาย
 
     ถ้าถามถึงความคิดเห็นว่าชอบวังเวียงไหม ตอบเลยว่าชอบมาก ถ้ามีโอกาสก็คงมาอีก แต่ไปในที่ที่ไม่เคยมานะ สถานที่ที่ผมติดใจมากๆคงเป็นถ้ำน้ำและบลูลากูน เหตุผลไม่มีอะไรมากหรอก เพราะว่า "ผม ชอบ เล่น น้ำ"
....................................

บรรยากาศ


อ่านเรื่องราวอื่นๆได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ