Osaka : โอซาก้า
Amazing Osaka By Osaka Amazing Pass
เมื่อรับกระเป๋าหลังจากมาถึงสนามบินคันไซผมนี่รีบวิ่งสุดๆ เพื่อไปให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่ก็ปรากฎว่าไม่ทัน ทำให้ต้องลงมารอรถ Shuttle Bus คืนนี้ผมพักที่โรงแรมไทโย ซึ่งอยู่ใกล้สถานี Dobutsuen-Mae ซึ่งรถที่จะไปจอดใกล้ที่สุดคือที่นัมบะ ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง รถก็ออก ตอนนั้นผมเพลียมากเลยไม่ได้ดูว่ากี่โมงแล้ว
เมื่อมาถึงนัมบะ รถก็จอดที่ป้ายรถเมล์ ผมงงมากเลยว่าจะไปยังไงต่อ จุดที่รอก็ไม่มี TAXI เดินเปลี่ยนที่จนได้คันที่จะไปส่งเราที่โรงแรม TAXI ที่ญี่ปุ่นนี่มิเตอร์ไวมาก แปบๆ 12++ เยนแล้ว เหมือน Taxi จะพาหลง แต่พอหลงเค้าก็บอกว่าให้จ่ายแค่เท่านี้แล้วพาเราวนไปมาจนถึงโรงแรม Check In เสร็จก็เดินไปร้านสะดวกซื้อข้างๆโรงแรม หาของทาน แล้วก็ขึ้นไปบนห้อง โรงแรมไทโยห้องไม่ใหญ่มาก ผมเลือกแบบฟูกเพราะอุ่น สำหรับห้องน้ำรวมก็ถือว่าโอเค เพลียมาทั้งวันก็ได้เวลา...นอน zzZ
ผมตื่นมาตอนเช้าก็ล้างหน้า แปรงฟันแล้วก็เดินลงไปซื้อ Osaka Amazing Pass แบบ 2 วันเพื่อใช้เดินทางไปยังจุดหมายต่างตามแผน ตอนลงไปสถานีรถไฟก็แก้ๆกังๆพอสมควรว่าจะไปตรงไหน เดินทางยังไง แต่ก็มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก เปิดประตูให้เข้าไปด้านในแล้วไปถึงห้องที่มีอเมซิ่งพาสขาย แล้วก็ได้เวลาเดินทางไปยังจุดหมายแรกของวัน...
USJ
สำหรับโอซาก้าอเมซิงพาสใช้เดินทางมาได้แต่ไม่ถึงที่นี่ครับ ต้องต่อรถไฟอีกสองต่อถึงจะมาถึงที่นี่JR-Universal city Station สถานีนี้คนลงเยอะมาก เพราะเมื่อคืนนอนดึก ตอนเช้าก็รีบก็ต้องหาอะไรรองท้องกันหน่อย ด้านหน้ามีร้านสะดวกซื้อแวะเข้าไปหาอะไรทานกันเลย ตั๋วเข้าที่นี่ผมซื้อมาจากไทย ราคา 2+++ บาท และไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่ม
คนลงสถานีนี้เยอะมาก / เข้าไปด้านในกันครับ
ถ้าไม่เห็นคือมาไม่ถึง
บรรยากาศด้านใน
คิตตี้สีชมพู / บรรยากาศดีมาก
อันนี้ก็ไปเล่นมา เปียกหมดเลย
คล้ายๆทะเลสาบ / Spider man รอแปบเดียวก็ได้เข้าไปเล่นแล้ว รอบผมเกิดเหตุขัดข้อง ทำให้ได้เล่นสองรอบ
เดินตามคนอื่นเขาไป
เจอทางเข้าแล้ว
ผู้คนพลุกพล่าน
ด้านหน้าปราสาทคนเยอะมาก ต้องแอบมาถ่ายรูปแถวๆริมทะเลสาบ แต่สวยงามไม่แพ้กัน
ร้านขายของรอบๆ
ภายในปราสาทครับ เหมือนกำลังเป็นพ่อมดคนนึงยังไงยังงั้น
ข้างในมืดมากที่ถ่ายๆมาเบลอหมด เพราะว่าไม่ได้ซื้อพาสมา ทำให้อดเล่นของเล่นเลย แต่ได้ชมภายใน ได้เห็นภายนอก ผมก็ดีใจมากแล้วครับ
ออกมาด้านนอกก็ซื้อของที่ระลึกกันหน่อย อันละ 1500 เยน
ของน่าชิม
ก่อนจะกลับก็ขอสักกรึ๊บ มันไม่ใช่เบียร์นะครับ น่าจะแต่งกลิ่น ที่ซื้อเนี่ยก็เพราะอยากได้แก้ว ถึงแม้จะไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไร แต่ได้นั่งดูปราสาทที่อยากเห็น ได้ย้อนความทรงจำในวัยเด็กๆ ได้เห็นปราสาทในนิยายอยู่ตรงหน้า บรรยายความรู้สึกไม่ถูกกันเลยทีเดียวเชียว
พอออกมาด้านนอกขอเดินวนอีกรอบ เห็นคนสะพายกระติกมินเนียนแล้วคืออยากได้ ขนงขนมไม่กินหรอก อยากได้กระติก แต่จะซื้อกระติกอย่างเดียวก็ไม่ขายต้องซื้อข้าวโพดคั่วด้วย เหอๆ แต่โชคยังดีเพราะตอนรับคิวของผมเป็นคนเกือบท้ายๆที่จะซื้อข้าวโพดคั่วแล้วใส่กระติกนี้ ดีใจอ่ะ
เดินไปก็เจอของอยากเล่นอีกแล้ว รถไฟเหาะตีลังกา ถ้าเข้าแถวแบบคนเดียว รอไม่นานครับ แต่แอบลุ้นว่าจะได้เล่นอันไหน ไปข้างหน้าหรือถอยหลัง พอถึงคิวผม ดีใจมากได้นั่งคันที่ถอยหลัง เสียวสุดๆ แต่ชอบบบบบบบ
ลงมามึนๆเจอแชร็คกับเจ้าหญิงฟีโอน่า กะจะตีเนียนไปถ่ายรูปด้วย แต่แทรกยากมากเลยยืนถ่ายไกล แล้วก็ออกมาด้านนอก
ว๊าาาาาา หมดเวลาแล้ว คราวหน้าถ้ามาอีก จะอยู่แต่เช้ายันมืด พกร่มพกน้ำดื่มมาด้วย
Captain Line
สำหรับโปรแกรมแรกที่จะใช้อเมซิงพาสอย่างจริงจังก็เริ่มแล้ว นั่ง Captain Line โดยขึ้นที่ Universal City Port เดินออกมาจาก USJ ประมาณ 15-20 นาที ก็มาถึง
นั่งชิลๆ ประมาณ 10 นาทีก็มาถึงลง KaiyuKan West Pier
Cruise Ship Santa Maria
เมื่อมาถึงก็เดินไปที่สำนักงานเพื่อรอเรือ พอเค้าเรียกก็ได้เวลาลงเรือ พอนึกก็ขำๆตัวเองเหมือนกัน มาญี่ปุ่น 2 รอบ ได้นั่งเรือสองรอบเลย
วันนี้เดินเหนื่อยมาทั้งวันแล้วผมขอพักโดยการนั่งเรือชมวิวริมอ่าวบ้าง
ตอนบ่ายแก่ๆ ไม่ร้อนแล้ว
ล่งไปได้สัก 45 นาทีก็กลับไปท่าเรือ
ถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นทั้งพิพิธภัณฑ์ และชิงช้าสวรรค์ นั่นแหละครับสถานที่ที่ๆจะไปต่อ
Tempozan Giant Ferris Wheel
เมื่อลงมาจากเรือผมก็เดินหาทางไปชิงช้าสวรรค์ ผ่านด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ เข้าไปในห้าง เงอะๆเงิ่นๆ หาทางไปไม่เจอ จนต้องถามคนแถวนั้น คนญี่ปุ่นก็ใจดีชี้ทางให้เราไป จนเดินมาถึงชิงช้าสวรรค์ มีทั้งแบบใสแล้วแบบสี แต่แบบใสรอนานมาก ผมเลยเลือกแบบสี
Osakako Station
ใกล้ขึ้นแล้ว
มุมมองไกลๆ / เราเคยนั่งเรือนั่นมาแล้ว
สะพานสีแดง
อยู่ด้านบน ชมวิวเพลินจริงอะไรจริง จนลืมถ่ายรูปมา ณ ตอนนั้นจำได้เลยว่าหิวมาก พอลงมาก็เดินเข้าไปในห้าง แล้วเจอร้านอาหารนึงน่าสนดีแฮะ แล้วก็ส่งไป แล้วก็ได้มาอย่างในภาพ
แกงกะหรี่ผัก กับแกงเขียวหวานกุ้งพร้อมข้าว อิ่มสุดๆ
บริเวณนี้มีสถานีรถไฟ Osakako ซึ่งอยู่ไม่ไกล และสถานีนี้แหละที่จะพาผมไปยังที่ต่อไป
จากสถานี Osakakoลง Cosmosquare ขึ้น สายYodabashi ลง Suminoekoen Stationเมื่อรถไฟมาใกล้ถึงออนเซน จะเห็นสนามกีฬาอยู่ด้านข้าง เดินตามถนนไปเรื่อยๆจะเจอออนเซน พอไปถึงก็ถามนายสถานีว่าลงตรงไหน เค้าก็ชี้ผมเดินไปตามทางยังงง เดินไปเจอเจ้าหน้าที่จราจร โชคดีมาก เค้าพูดไทยได้ ก็บอกทางเรา จนเจอออนเซน เข้าไปก็เอากุญแจไปฝาก ยื่นพาส แล้วก็ไปแช่น้ำอุ่น ในนี้มีบ่อต่างๆ ทั้งแบบนวดตัว แบบแผ่นหินร้อน แบบน้ำไหล ผ่อนคลายจากกิจกรรมการเดินในวันนี้มาก
ผ่อนคลายเสร็จก็ได้เวลาไปเดินซื้อของ
Nambaผมนั่งรถไฟมาลงที่นัมบะ ทีแรกก็นึกว่าจะง่ายๆ แต่เอาจริง สถานีนี้ทางออกเยอะมาก ทำเอางง พอออกมาจากสถานีรถไฟก็งงใหญ่ จะไปทางไหนดี TT ดูแผนที่เอาในมือถือ ก็เดินเลาะตามทางมาจนถึง
เฮ๊ยยยยยยยยยยยยยยย เรามาถึงโอซาก้าแล้ว
ป้ายไฟกลูลิโกะ!!!
ช่วงนี้มีประดับโคมไฟริมแม่น้ำ ตามจริงพาสที่เราถือก็สามารถนั่งเรือล่องในแม่น้ำได้แต่ เนื่องจากมืดแล้ว ขอซื้อของบ้างละกัน
ย่าน EBISUBASHI-SUJI
แถวย่านนี้ผมก็ดูของไปหลายๆร้าน แต่ที่ใช้เวลานานที่สุดคงเป็นดองกิโฮเต้ เพราะของน่าซื้อเยอะมาก ขนมที่น่ากินก็เยอะมาก ที่นี่พี่น้องชาวไทยเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็ซื้อเครื่องสำอางโดยเฉพาะโฟมล้างหน้ายี่ห้อดังหลอดสีฟ้า ราคาที่นั้นถูกกว่าที่ไทยเยอะจริง ผมก็เหมามานะ 555 ซื้อเสร็จคืนภาษีได้ด้วย
ก่อนสถานีรถไฟจะปิดก็ต้องรีบกลับ บอกลานัมบะในค่ำคืนนี้
Osaka Sumiyoshi Taisha
เช้าวันนี้นั่งรถไฟไปศาลเจ้าชื่อดังของโอซาก้า คือศาลเจ้สุมิโยชิ เนื่องจากผมพักแถวสถานี Dobutsuen-Mae ทำให้ไปศาลเจ้านี้ได้ง่าย เพราะรถไฟที่ไปศาลเจ้าอยู่ตรงนี้
รถไฟที่ไปศาลเจ้าเป็นแบบในรูปเลยครับ รางอยู่บนถนน สถานีก็อยู่กลางถนน ขับไปเรื่อย ก็ถึงศาลเจ้า ตอนลงก็ระวังรถกันด้วยครับ
ตอนที่ไปเขากำลังจัดงาน แต่คงไปเช้าเกินร้านรวงต่างๆเลยปิดหมด
มาที่นี่ก็เพราะความพิเศษของอะไรหลายๆอย่าง
สพานที่ข้ามเป็นสะพานไม้บิดเกือบ 180 องศา ชื่อ Taiko-bashi
การวางตำแหน่งของศาลเจ้าแต่ละศาล ที่หาดูที่อื่นไม่ได้
ศาลเจ้านี้เป็นศูนย์กลางของศาลเจ้าอื่นๆที่ชื่อ Sumiyoshi-thasha
และศาลเจ้าแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของประเทศ
เกี้ยวสำหรับงานในวันนี้/เสาด้านหน้า
เมื่อออกมาจากศาลเจ้าทีแรกจะไปศาลเจ้าเทนโนจิ แต่นั่งรถผิดสาย เลยเปลี่ยนใจไปพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าแทน
Osaka Museum of History
สำหรับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้าลงที่สถานี Tanimashi 4-chome station ทางออก 2
พอเดินขึ้นมาจะเจอบ้านหลังนี้ แล้วก็เข้าไปในตึกข้างๆ ยื่นพาสให้เจ้าหน้าที่จะได้ตั๋วสำหรับขึ้นไปชั้นบน
ห้องหุ่น
คำอธิบายทิวทัศน์ด้านนอกที่มองออกไป มีอะไรบ้าง
โมเดล
วิถีชีวิต
จำลองงานแสดงสมัยโบราณ
บ้านที่เคยอยู่ อู่ที่เคยนอน
ผมใช้เวลาในการเดินชมประมาณ ชั่วโมงก็ลงมาด้านล่าง ตอนนั้นหิวมากๆ เลยเข้าไปสั่งอาหารในตึก ได้เมนูนี้มาทาน
ข้าวกับหมูทอด /กับข้าวหมูทอดราดแกงกะหรี่
555 เรียกซะไทยเลย
Osaka Castel
ปราสาทโอซาก้า
ภาพด้านข้าง
ความสวยงาม ถ้ามีคะแนนให้เต็มสิบผมก็ให้สิบเลยครับ สวยจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้ไปช่วงซากุระบานนี่คงสุดยอดกว่านี้
นั่งรถไฟแล้วลงสถานี Tenjinbashisuji 6-chome ถ้าออกมาเจอถนนให้หันหน้าเข้าตึกขึ้นลิฟท์ เมื่อมาถึงก็ยื่นพาาสเพื่อที่จะรับตั๋วชมด้านใน ทีแรกกะจะใส่ชุดแบบคนญี่ปุ่นแล้วถ่ายรูปซักหน่อย แต่ต้องรอคิวยาวเลยขอบาย
ข้าวของเครื่องใช้
ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากเลยครับ ถ้าใครรอได้แวะมาจองคิวสวมชุดแล้วถ่ายรูปก็เก๋ไปอีกแบบ
เมื่อลงมาจากพิพิธภัณฑ์ก็แวะชมซื้อของตรงซอยด้านข้างได้ครับ ร้านค้ามีเยอะมาก ของถูกแพงก็คละกันไป เสื้อผ้าสวยๆก็มีให้เลือกเยอะ
Natural hot spring
ออนเซนนี้เดินข้ามถนนมาจากตึกที่ขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ แล้วผมเดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ จนถึงห้าง ถามพนักงานก็บอกว่าที่นี่แหละ เดินเข้าไปแล้วมองหาลิฟท์ เพราะลิฟท์จะไปส่งถึงชั้นที่มีบ่อน้ำแร่ พอไปถึงก็ฝากของ แล้วก็เข้าไปด้านใน มีทั้งบ่อในร่มและกลางแจ้งช่วงที่ไปด้านนอกฝนตกหนักมาก ผมเลยอยู่แต่ด้านใน รอให้ฝนหยุดแล้วก็ออกไปบ่อด้านนอก หลังฝนตกใหม่ๆ อากาศเย็นแช่แล้วรู้สึกดีมากครับ เมื่อรู้ว่าร่างกายหายเมื่อยแล้วก็ออกและเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ เพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้พาสฟรีที่สุดท้ายของทริปนี้
Floating Garden Observatory
แม้จะเห็นว่าอยู่ไม่ไกลแต่การเดินไปตึกนี้จากสถานี Higashi Umeda บอกเลยว่าไกลมาก เดินอ้อมไปไกลมาก ไกลสุดๆ ในแผนที่นึกว่าใกล้ๆ แต่ในเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องไปให้ถึง เดินข้ามตึกหลายตึกจนถึงทางลงอุโมงค์ พอลอดอุโมงค์มาก็มาถึงแล้ว
มุมมองตีกนี้จากด้านล่าง / โมเดลตึก
สำหรับตึกนี้ผมว่าแปลกตาดี และที่ชอบมากที่สุดของตึกนี้คงเป็นบันไดเลื่อน
เพราะเหมือนเส้นทางไปสู่อวกาศ
วิวด้านบน/ที่คล้องกุญแจ
วิวด้านบนมองเห็นโอซาก้าโดยรอบเลยครับ ตอนเย็นๆบรรยากาศก็ดีไปอีกแบบ เดินดูรอบๆได้เรื่อยๆ ไม่ร้อนและไม่เหนื่อยมาก แต่จะเหนื่อยตอนเดินไปสถานีรถไฟนี่แหละ
เชื่อไหมครับว่าผมรีบไปสนามบินมาก แต่นั่งรถผิดไปนั่งรถช้าทำให้ถึงสนามบินเลทสุดๆ กว่าจะถึงปลายทางเพื่อเปลี่ยนสถานีคนก็ลงกันหมดแล้ว พอมาถึงเคาท์เตอร์แอร์เอเชีย คนเยอะมาก แต่โชคดีที่ check in ล่วงหน้า เลยไม่ต้องต่อแถวยาวๆ จุดพีคมันอยู่ตรงนี้แหละที่พนักงานให้ชั่งน้ำหนักกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง พอตอนชั่งก็หวั่นๆเพราะซื้อของเยอะมาก กระเป๋าถือสามารถขึ้นเครื่องได้ 7 กิโล แต่ของผม 6.9 กิโล 55555555 ลุ้นสุดๆ ส่วนกระเป๋าโหลด ซื้อ 20 โล แต่ชั่งได้ 15 โลเอง เสียดาย 4 กิโลที่เสียไป
เนื่องจากมาถึงสนามบินช้า ร้านรวงต่างๆเริ่มปิด Uniqlo ที่จะซื้อครั้งนี้ก็ไม่ได้แวะเลย แต่ยังมีร้านขนมด้านในเปิด เหรียญที่เหลือก็ใช้ที่นี่แหละ 555 รอยซ์เอย ลูกอมเอย ขนมเอย ชอปเพลินเกลี้ยงกระเป๋า อิอิ สำหรับแอร์เอเชีย ต้องต่อรถไฟไปอีกสถานีนึง ถ้าใครซื้อของก็กะเวลากันด้วยนะครับ เดี๋ยวตกเครื่องเอา พอได้เวลาก็ไปรอขึ้นเครื่อง เครื่องออก แล้วถึงไทยตอนเช้าอีกวัน
สำหรับทริปนี้ผมขอเรียกว่าทริปเร่งรัด เร่งรีบละกันเพราะเวลาจำกัดมาก รีบเที่ยวมาก เดินเยอะมาก แต่ก็ถือว่าครบ ใช้ Osaka Amazing Pass คุ้มสุดๆ ได้ลองอะไรใหม่ ขึ้นรถไฟผิดถูก เห็นวัฒนธรรมที่แปลกตา โดนตรวจน้ำหนักกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง และอื่นๆอีกมากมาย เก็บเงินก่อนครับ ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น