J-Trip ตอนที่ 2 : ถึงญี่ปุ่นแล้ว ย่ำย่านชินจูกุ กินขาปูยักษ์ นอนโรงแรมแคปซูล
เห็นญี่ปุ่นแล้ว เห็นภูเขาลูกนั้นป่ะไกลๆอ่ะ ตอนนั้นตื่นเต้นมากเลย แว๊บแรกคิดว่าฟูจิแต่นึกไปนึกมาไม่ใช่นี่หว่า ฟูจิต้องสวมหมวกแล้ว
พอเครื่อง แตะพื้นปั๊บใจก็ตุ้มๆต่อมๆว่าจะไปไหนต่อดี ข้างนอกจะเป็นยังไงบ้าง พอถึงสนามบินนาริตะก็มองไปรอบๆก็เห็นป้าย Welcome อยู่มีภาษาไทยด้วย เสียดายรีบเลยไม่ได้ถ่ายมา เดินมาสักพักผมก็ถึงตรวจคนเข้าเมือง เมื่อเรามาอย่างบริสุทธิ์ใจจะกลัวอะไร แล้วก็ผ่านออกมาด้วยดี ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ออกมาถึงต้องเลือกว่าจะซื้อตั๋วแบบไหนเข้าเมือง แต่ตอนนั้นรีบมากเกือบบ่ายสามแล้ว ต้องไปให้ทันที่ขายตั๋วไป Hakone ของ Odakyu เพราะปิด 6 โมงเย็น เลยเลือกที่จะขึ้น N'EX ใช้เวลาประมาณร้อยกว่านาทีก็ถึงสถานีชินจูกุ
ซื้อตั๋วเสร็จก็ลงไปรอด้านล่างชั้นใต้ดินเพื่อขึ้นรถไฟ รอสักพักตามโบกี้ที่นั่งรถไฟสีขาวคาดดำคาดแดงก็มาก็มาเทียบชานชลา ข้างในรถมีที่วางกระเป๋ากับที่ล็อคให้ ที่นั่งสบายไม่สบายลองคิดดู ขึ้นปุ๊บหลับปั๊บไม่รู้เพลียมาจากไหน
ตื่นมาอีกทีก็เห็นป้ายบอกว่าอยู่นั่นนี่แล้ว มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น
นั่งเพลินๆก็มีพนักงานมาขายอาหาร แต่ยังไม่หิวเลยนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูบ้านดูเมืองเค้า แต่อยู่ๆก็มีสิ่งที่เรียกความสนใจเข้ามานั้นก็คือ Tokyo skytree ยังไม่ได้เที่ยววันนี้แต่ได้เห็นแบบนี้ก็นึกว่าฝันอยู่ เรามาถึงญี่ปุ่นแล้วหรอเนี่ย นั่งเพลินๆไปจนถึงสถานีชินจูกุ
สำหรับย่านชินจูกุจะพบวัยรุ่นญี่ปุ่นมาเที่ยวกันเยอะ ร้านรวงต่างๆมีทั้งแบรนด์ชื่อดังจากต่างประเทศและแบรนด์ดังของญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo หากหลุดเข้าไปในห้างแล้วจะทำให้เสียเงินซื้อของนั่นนี่มากมายเลยทีเดียวเพราะราคาถูกกว่าไทย ดีไซน์ก็น่ารัก แบรนด์ลูกอย่าง GU นี่ก็เหมือนกัน ราคาเบากว่าแบรนด์แม่อย่าง Uniqlo แต่คุณภาพดีและแบบน่ารักๆมีให้เลือกเยอะมาก แต่ร้านขายรองเท้าอย่าง ABC Mart ก็มีรองเท้าสวยๆขาย แต่ร้านที่ผมไปรู้สึกว่ามีแบบให้เลือกน้อยไปนิด
----------------------------------------------------------------------------------------------
เหนื่อยมาทั้งเย็นหาอะไรรองท้องหน่อยก็ดี เดินดูนั่นนี่จนมาจบที่ร้านนี้ ไม่รู้ว่าซอยไหนแต่จำได้แค่ว่าอย่ตรงหัวมุม พอเข้าไปด้านในต้องลงไปด้านล่าง
เวลาจะสั่งอาหารต้องหยอดเงินไปก่อนแล้วจะมีเมนูให้เลือกว่าเงินที่หยอดเข้าไปซื้อเมนูไหนได้บ้าง ผมสั่งหมูทอดกรอบราดซอสแกงกะหรี่กับข้าวขนาดใหญ่ พร้อมเบียร์
ทีแรกนึกว่าจะได้ข้าวน้อยแต่พอได้มาจริงๆกินไม่หมดแอบเสียดาย
ข้าวราดแกงร้อนๆ น้ำซุป
กับเบียร์สักแก้วนี่ทำให้คลายเมื่อยหายเหนื่อยหายหนาวได้เยอะเลย
อิ่มและอร่อยมากครับมื้อนี้
...........................................................................
ก่อนจะออกจากย่านชินจูกุวันนี้ขอแนะนำอีกร้านที่แวะไปชิมละกันครับ คือร้านขาปูยักษ์นั่นเองร้านนี้อยู่ย่านชินจูกุนี่แหละ ออกมาทาง East exit เดินไปในซอยหน่อยนึงก็จะเจอ หน้าร้านมีปูขยับขาห้อยต่องแต่งแบบนี้
อ่านไม่ออกเหมือนกันว่าเขียนว่าอะไร แต่พอเข้าไปในร้านนี้ก็ต้องขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ร้านนี้อยู่
เมื่อประตูลิฟต์เปิดก็จะมีเมนูจำลองของร้านที่โชว์อยู่ในตู้แบบนี้
พอเข้าไปด้านในเค้าก็จะพาเราไปนั่งยังที่นั่งบริเวณต่างๆ ผมได้ที่นั่งบริเวณริมแต่ดูเป็นส่วนตัวขึ้นมานิดนึงเพราะมีฉากกั้น ให้เปิดเฉพาะด้านหน้า ที่นั่งก็มีโต๊ะ และสอดขาลงไปด้านล่างได้ เปิดเมนูดูก็เลือกสั่งอาหารเลย
วันนี้เลือกสั่งเมนูชุดละ ห้าพันกว่าเยนมาลองทานไม่ได้สั่งชุดแพงๆมาเพราะราคาสูง ที่มาทานเพราะอยากรู้เฉยๆว่ารสชาติของขาปูที่เค้าร่ำลือกันเป็นยังไงบ้าง จัดแจงสั่งอาหารก็จะมีผ้า มีน้ำชาอุปกรณ์การกินที่ใช้ไม่ค่อยเป็นเพราะปกติใช้มืออย่างเดียว
สำหรับอาหารมื้อนี้ประกอบไปด้วยหลายอย่างเลยตั้งแต่ขาปูอบ ไข่ตุ๋น ขาปูสดให้เรามาย่าง เทมปุระ ผักทอด เครื่องเคียง ซุปและข้าวที่พอเปิดโถมาจะเจอปูตัวโตๆอยู่ข้างในนั้น โรยกับสาหร่ายนะขอบอกเลยว่า โออิชิมาก
บรรยากาศในร้านนี้ก็ตกแต่งคลาสสิค พนักงานบริการดี ลูกค้าคนไทยเยอะมากครับ อาหารก็อร่อย ปูที่เค้าให้มาก็แกะแล้วบางส่วน แต่เลาะเนื้อด้วยเครื่องมือที่เค้าให้มาแอบยากหรือเพราะใช้อุปกรณ์ที่เค้าให้มาไม่เป็นก็ไม่รู้ทำให้เอาออกยาก ถ้าเป็นที่บ้านนี่ใช้ปากแกะไปแล้ว 55 น้ำจิ้มเป็นซอสหรือหมักด้วยอะไรหอมนิดๆเปรี้ยวหน่อยๆ คนละอย่างกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเรา แต่ถือว่าผ่าน!!!
...........................................................................
สำหรับคืนแรกในญี่ปุ่นนี้ผมเลือกนอนพักที่โรงแรมแคปซูล เพราะอยากลองอะไรที่แปลกๆใหม่ที่ไม่เคยนอนในเมืองไทย โรงแรมจริงๆก็หาไม่ยากถ้าไม่เดินหลง Lobby ของโรงแรมจะอยู่ชั้นสาม พอขึ้นไปก็จัดแจงเก็บรองเท้าที่เราใส่มาแล้วนำไปไว้ใน Locker จากนั้นก็นำกุญแจไปให้พนักงาน เมื่อส่งใบจองให้พนักงาน พนักงานก็จะเอากุญแจ locker อีกอันที่ตรงกับเลขที่ตู้นอนมาให้ เราก็เอาของมีค่าไปเก็บในนั้น ในนั้นจะมีชุดกับผ้าขนหนูของโรงแรม ห้องอาบน้ำของผู้ชายจะอยู่ชั้น 1 เป็นแบบอาบรวม มีอ่างแช่น้ำ 3 อ่าง ในห้องน้ำมีผ้าขนหนูที่เอาไว้ถูหลัง ที่โกนหนวด แปรงสีฟันไว้ให้อย่างดี พอเข้าไปแรกๆก็อาย แต่คิดไปคิดมาจะอายทำไม มีเหมือนกันเห็นได้อย่างเดียวเอาไปก็ไม่ได้ 55เมื่ออาบน้ำทำธุระเสร็จก็ขึ้นไปนั่งเล่นชั้น 4 ที่นั่นมีห้องนั่งเล่น ตู้อบผ้า เครื่องกดสารพัดอย่าง คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ไว้ให้ดู เมื่อพร้อมแล้วก็ขึ้นไปนอนในตู้
ภาพแรกคือม่านที่ใช้ดึงมาปิด ภาพที่สองคืออุปกรณ์ ภาพที่ 3 คืออุปกรณ์ชัดๆ ปุ่มปรับนั่นนี่ ไม่ทันจะได้ทดลองอะไร แค่หัวถึงหมอน สติ สตังก็หลุดผมก็หลับไหลไปแล้ว
ว่าจะไม่นอนเร็วแล้วนะแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปเที่ยว Hakone แต่เช้าเลย
อ่านเรื่องราวอื่นๆได้
Myanmar / Korea / Laos /Japan
................................................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น