Sugoi Hokkaido 1 : ซัปโปโร&โอตารุ
ผมเดินทางมาถึงสนามบิน ชินชิโตเสะตอนประมาณแปดโมง ข้างนอกเครื่องหมอกลงเยอะมาก จนมองไม่เห็นอะไร พอออกไปจนถึงท่าอากาศยานก็ไปรอรับกระเป๋า จัดการทำธุระส่วนตัว ทีแรกกะว่าจะออกไปขึ้นรถไฟใต้ดินเลย แต่เปลี่ยนแผนเพราะยังไงวันนี้คงเดินชิลที่ฮอกไกโดไม่ได้แน่ ฝนตกขนาดนี้ ผมจึงเดินชมท่าอากาศยานดีกว่า เดินหลงนั่น หลงนี่และเดินเข้าไปในโชนของกิน และไปเจอ...
โดราเอมอน !!! น่าร๊ากกก อ่า
เมื่อทานอาหารเสร็จก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอโซนที่จำลองโรงงาน Chocolate มาไว้ ชอบมากจริงๆ อะไรที่มันน่ารักๆแบบนี้
ถ้าเดินผ่านโซนโรงงาน Chocolate ไปจะเจอโซนโดราเอมอน แต่เสียดาย ผมไปเช้าเกินเลยได้เก็บภาพโซนโดราเอมอนแค่นี้
เดินไปเรื่อยๆจากชั้นสามขึ้นชั้นสี่ แล้วก็ไปเจอสปา แต่จำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไร ตอนไปถึงกำลังปิดเพื่อทำความสะอาดอยู่ ไม่นานก็เห็นคนเข้าไป คงเปิดตามปกติแล้วมั้ง ผมเลยลองเข้าไปดูมั่ง
ก่อนจะไปยังตัวเมืองผมเดินไปช่องจำหน่ายตั๋ว บอกพนักงานว่าจะไปไหนบ้าง อะไรยังไง แล้วพนักงานก็จัดตั๋วมาให้ตามที่เราต้องการ แถมได้ราคาถูกกว่าที่คิดมา เพราะรถไฟบางระยะสามารถใช้ตั๋วร่วมกันได้ หมดค่าตั๋วที่อยู่บนเกาะฮอกไกโด 3 วัน ในราคา 9100 เยน ได้ตั๋วไปกลับซัปโปโร-โอตารุพร้อมทั้งตั๋วรถไฟใต้ดินในซัปโปโร 1 วัน ตั๋วไปกลับซัปโปโร-ฟุราโนะ ตั๋วไปกลับสนามบิน-ซัปโปโร
ออกจากสนามบินชินชิโตเสะมุ่งหน้าสู่เมืองฮอกไกโด เอากระเป๋าไปฝากและยืมร่มที่โรงแรม จากนั้นได้เวลาไปตะลุยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆบนเกาะฮอกไกโดกันแล้วครับ
โอตารุ: เมืองท่าแห่งสีสรร
จากสถานีซัปโปโรมาเมืองโอตารุนั้นใช้เวลาไม่เกิน 40 นาที รถไฟจากแล่นจากส่วนที่เป็นเมือง ลัดเลาะตามทะเล และมาถึงสถานีที่เลือกลง ผมเลือกลงสถานี มินามิโอตารุ
คนเยอะมากได้ยืนเลย
พอไปถึงสถานีมินามิโอตารุ คืออากาศมืดฟ้ามัวดินสุดๆ และฝนตกแรงมาก ผมเลยนั่งรอในสถานีตรงร้านสะดวกซื้อสักพักใหญ่ เมื่อฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก เอาวะเป็นไงก็เป็นกัน ร่มก็มีจะกลัวอะไรหล่ะ ก็เดินกางร่มอย่างนั้นเดินไปตามทาง เปิดแผนที่เป็นระยะๆ และมาถึงถนนซาไกมาจิ โดยตามถนนมีสถานที่ท่องเที่ยวต่าง
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี : Music box Museum
เปิด-ปิด 09.00-18.00 น. (ช่วงฤดูร้อน วันศุกร์และวันเสาร์ เปิดถึง 19.00)
จุดสังเกตของที่นี่คือนาฬิกาไอน้ำด้านหน้า
ฝนเดินฝ่าสายฝนมา เมื่อถึงทางเข้าจะมีถุงให้เราไว้สวมร่มของเรา
เพื่อที่ข้างในจะไม่เปียกชื้น เมื่อสวมถุงเสร็จก็เข้าไปเดินดูด้านใน
ภายในสวยมากเลยครับ กล่องดนตรีสวยๆน่ารักๆเยอะมาก มีหลายรูปทรงหลายแบบ
มองไปทางไหนก็มีแต่ที่ชอบ หลายอันก็ดูแปลกตา ถ้ากระเป๋าหนักคงจัดไปแล้ว
ชั้นบนก็มีกล่องดนตรีน่ารักๆอีกแล้ว อยากได้อ่ะ!!!
หลังจากชมกล่องดนตรีเสร็จก็เดินชมเมืองกันต่อ
ตึกรามบ้านช่องที่นี่สวยดี /ร้านขนม LeTAO เยอะมาก เจอคนไทยที่นี่เยอะมาก ชิมขนมหลานร้านมาก
ร้านขายของแต่ละร้านมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนอย่างสม่ำเสมอ
สุโค่ยยยยยย ประทับใจจริงๆ กรอบและอร่อยมาก ข้าวโพดแช่น้ำแข็ง ไม่เคยกินมาก่อน
ไม่รู้ว่าข้าวโพดที่ไทย ถ้าเอามาแช่แบบนี้จะกินได้ไหมนะ ฉ่ำสุดๆ คิดแล้วก็อยากกินอีก
หลังจากจัดการกับข้าวโพดเสร็จก็เดินดูตามทางไปเรื่อยๆ ฝนหยุดตกแล้ว ถนนสายนี้มีแต่ร้านขายของตลอดแนว
เจอร้านขายของกินอีกแล้ว / ร้านเครื่องแก้วเล็กๆ
ตึกอาคารตามทาง
เดินเรื่อยๆไปตามแผนที่ จนถึงบริเวณหนึ่งที่มีคนเยอะมาก นั่นไง...ไฮไลท์ของที่นี่
คลองโอตารุ
มาที่นี่เพื่อสิ่งนี้เลยนะ ด้านข้างคลองฝั่งนึงเป็นโกดังเก่า อีกฝั่งเป็นทางเดินและตึกสูงระฟ้า คือที่นี่ผสมผสานระหว่างความวินเทจ และความทันสมัยกันได้เหมาะเจาะทีเดียวเชียว
มุมถ่ายรูปยอดฮิต คลองที่มีเงาสะท้อนของโกดังเก่า
อีกฝั่งนึงแล้วมองกลับไป
ในตอนแรกคิดว่าจะอยู่จนถึงตอนค่ำ แต่เอาจริงๆคือเมื่อยมาก เลยเดินไปที่สถานีรถไฟโอตารุ ขากลับก็เจอขบวนแห่ หรืองานเทศกาลประจำปีสักอย่าง จะมีคนแห่เกี้ยวแล้วเดินไปตามทาง ไม่ได้เดินกันตรงๆนะ แต่เซไปมา เหมือนมีเทพเจ้าอยู่ข้างในนั้น บางขบวนมีเด็กขึ้นไปด้านบนแล้วให้สัญญาณด้วย ผมยืนแอบๆข้างถนน ไม่กล้าเดินไปถ่ายข้างหน้า จะเกะกะเขา ตรงที่ยืนดูอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นมุมอะไร พอขบวนแห่ๆมาถึงแล้วจะเซมาทางนี้หลายครั้งเลย
แต่ละขบวนก็มีลักษณะแตกต่างกันไป ทั้งชุด ทั้งเกี้ยว
ถึงจะมีลักษณะที่แตกต่าง แต่ที่เหมือนคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จากตอนเย็นยังเห็นว่ามีคนไม่มากเท่าไหร่ พอใกล้มืด มองกลับไปแล้วคนเยอะมาก มืดฟ้ามัวดิน
หลังจากไอศกรีมหมด ก็เดินไปตามทาง แล้วแวะถ่ายรูปกับทางรถไฟสายเทมิยะ จากนั้นไปขึ้นรถไฟที่สถานี โอตารุ แล้วก็กลับมายังซัปโปโร เพื่อพักผ่อน
ทริปโอตารุความจริงผมมีแผนไปเที่ยวเยอะมาก แต่สภาวะภูมิอากาศไม่เป็นใจให้ผมเลย ทำให้ไม่ได้ไปไหนตามที่ใจคิด แต่โดยรวมแล้วสถานที่ต่างๆที่นี่ก็คลาสสิคดีครับ ชอบมากเลยแหละ ไว้คราวหน้าถ้ามาอีกจะใช้ตั๋ว Otaru welcome pass ให้คุ้มเลย
ซัปโปโร : Sapporo
เริ่มจากสถานีซัปโปโร ไปยังจุดหมายที่อยู่รายรอบ ลงสถานีโอโดริ แล้วนั่งรถไฟไปยังสถานีต่างๆ แล้วกลับมาที่สถานีซัปโปโร
เริ่มเดินจากโรงแล้วไปตามถนนแล้วก็มาพบกับ...
ที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Former Government office Building)
อาคารสีอิฐที่โอ่อ่า ภายนอกเป็นทรงยุโรป ข้างหน้ามีสวนสวยงามให้นักท่องเที่ยวไว้ถ่ายรูป พร้อมป้ายที่เขียนว่า "Welcome Hokkaido" ช่วงที่ไป เช้าๆอากาศกำลังดี ที่นี่ผมเดินดูรอบๆ แล้วก็ไปยังสถานที่ถัดไป...
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)
เดินเลาะมาตามถนนหนทาง แล้วก็มาเจออาคารไม้สีขาวมีนาฬิกาบอกเวลาอยู่ด้านบน ถึงแล้วหอนาฬิกาผมขึ้นไปถ่ายรูปบนสแตน แล้วก็ลงมาให้รู้ว่ามาถึงแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปด้านใน 555
แล้วก็เดินมาเรื่อย...
Sapporo Clock Tower
จะเห็นส่งสัญญาณโทรทัศน์สูงๆ นั่นแหละที่เราจะไปกัน
ระหว่างทางก็มีสวนให้ชมอยู่
เมื่อถึงเสาส่งสัญญาณโทรทัศน์ก็เดินเข้าไปด้านใน ขึ้นลิฟท์ แล้วก็เดินออกไปซื้อตั๋ว แต่จำราคาไม่ได้ว่าเท่าไหร่ รู้แต่ว่านอกจากจะขึ้นไปชมวิวเมืองแล้วยังมีส่วนลดเมื่อเราซื้อไอศกรีมด้านล่างทานด้วย
ต่อแถวเสร็จ ก็ขึ้นลิฟท์อีกตัวเพื่อไปชมวิวด้านบน ลิฟท์ใสๆ ใจแอบหวิว ย่านนนนนน พอลิฟท์เปิด ก็เดินชมรอบๆ
ฝั่งนี้ก็เป็นเมือง / ฝั่งนี้ก็เป็นเมือง
แต่ฝั่งนี้เป็นสวนโอโดริ สวยงามครับ
สวนสนุกชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park)
นั่งรถไฟสาย Tozai Line ไปลงที่ เมื่อถึงสถานีก็มองหาทางออก แล้วก็เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอ สวนสนุกแล้วครับ ที่เรียกว่าสวนสนุกเพราะผมก็เรียกตามคนอื่นเค้านะ แต่เหมือนป้ายด้านหน้าจะเขียนว่า Factory
ผ่านประตูรั้วเข้าไปแล้วแบบ อือหือ โครงสร้างอลังการมาก สวยมาก
นึกว่าอยู่ยุโรป
เข้าไปด้านใน ภายในจะมีสองชั้น ชั้นล่างก็ขายของที่ระลึก ของฝากครับ อันนี้ทางขึ้นไปชั้นบน
ไอศกรีม เครื่องดื่มขายที่ชั้นล่าง อร่อยดีครับ/ ของเล่นที่จัดแสดง
ตลาดซัปโปโรโจไง (Sapporo Jogai Market)
นั่งรถไฟสาย Tozai Line ไปลงที่Nijuyonken Subway station ตอนไปถึงก็ออกไม่ถูกหรอกครับ แต่เดินไปตรงทางออกแล้วถามพนักงานว่า ซัปโปโรโจไงอยู่ตรงไหน พนักงานก็ยื่นแผนที่มาให้ พร้อมกับบอกทาง ผมก็บอก อะริกาโตะ แต่เข้าใจไหมก็นิดหน่อยครับ
ออกมาตามทางก็เดินไปเรื่อยๆตามแผนที่ หลงบ้างนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็เจอย่านที่มีของสดหลายร้าน ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม เลยเทียบรูปกับสถานที่อยู่ตรงหน้า ใช่เลยอ่ะ ตลาดซัปโปโรโจไง
มาญี่ปุ่นจะซื้อของอะไรต้องมองหาร้านที่คืนภาษีได้ เมื่อมองเสร็จและเป็นร้านที่สนใจ ก็เดินเข้าไปซื้อหรือดู เวลาเห็นป้ายคืนภาษีผมก็จะถามว่าซื้อเท่าไหร่ถึงจะคืนภาษีได้ ส่วนใหญ่ก็ 5000 UP (ซื้อของเมื่อหักภาษีแล้วเกิน 5000 เยน) ขนมของฝากที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นพวก มันฝรั่ง อะไรที่เกี่ยวกับเมล่อน ปูเคลือบ ลูกอมต่างๆ และที่ติดใจมากที่สุดก็คือ หอยเป๋าฮื้อ
ศาลเจ้าฮอกไกโด
นั่งรถไฟสาย Tozai Line ไปลงที่ Maruyama Koen
...เมื่อเดินเข้ามาบริเวณศาลเจ้า รู้สึกถึงความเงียบ เย็น สงบ และไม่นานนักฝนก็ตกมาให้ชุ่มกาย...
หลังจากฝนตกก็เดินต่อ...
ช่วงที่ผมเข้าไปในศาลเจ้า เป็นช่วงที่ฝนเพิ่งตกไปทำให้ข้างในเงียบมาก ไม่ค่อยมีคนเลย โดยรอบบริเวณมีต้นไม้ปกคลุมเป็นจำนวนมาก เดินไปก็เก็บรูปตามที่ต่างๆไป แต่กว่าจะถึงศาลเจ้าข้างในก็เหนื่อยเอาการ
ก่อนเข้าชมศาลเจ้าก็ต้องชำระล้าง มือ ล้างปากกันก่อน
เดินเข้าไปเจอศาลเจ้าแล้วครับ สีเรียบๆแต่ขลัง ลักษณะใหญ่โต โอ่โถ
ไปที่ศาลเจ้า โยนเหรียญ คำนับ คำนับ ปรบมือ ปรบมือ ขอพร คำนับ
ไปที่ศาลเจ้า โยนเหรียญ คำนับ คำนับ ปรบมือ ปรบมือ ขอพร คำนับ
กำลังทำพิธีสักอย่าง
ใบขาวๆนี่ไม่รู้ว่าคืออะไร / แผ่นไม้สำหรับเขียนขอพร
ทางออก
ชมบรรยากาศภายในจนหนำใจแล้ว ผมก็เดินทางกลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัวไปโอซาก้าต่ออาหาร
สำหรับอาหารที่ฮอกไกโด ผมชอบมากๆมีอยู่สองร้าน
1. โคลอมโบ CARRY HOUSE
เวลาเปิดปิด 11.00-19.00 น
JR Sapporo ทางออก South Exit
Namboku Line : TOHO Line สถานี Sapporo ทางออก 8
เมื่อถึงทางออก 8 จะเจอร้านขายอาหารมากมายหลายร้าน ให้ขึ้นบันไดมาชั้นบนสุด ร้านจะอยู่ลึกสุด
เมนูต่างๆของทางร้าน
มื้อนี้ผมสั่งแกงกะหรี่ with Egg ตอนแรกก็สั่งไม่เป็น เดินไปถ่ายรูปแล้วชี้ให้คนที่ขายดู แล้วเค้าก็นำมาเสิร์ฟ แกงกะหรี่อุ่นๆ ข้าวร้อนๆกับไข่นี่อร่อยจัง เห็นเยอะๆแบบนี้แต่ทานหมดนะครับ คนนั่งข้างๆแกงหมดแล้วแต่มีข้าวเหลือเค้าก็เติมน้ำแกงให้ เห็นแบบนั้นรู้สึกดีจัง หลังจากอิ่มแล้วก็ตามด้วยไอศกรีมตบท้าย ในราคา 950 เยน
2.ซูซูกิโนะ
Nanda
เวลาเปิด-ปิด 17.00-22.30 น.
รถไฟสาย Namboku สถานี Susukino ทางออก 3
รถไฟสายToho สถานี Susukino ทางออก4
ชั้น B 2 ของตึก Cyber City
เวลาเปิด-ปิด 17.00-22.30 น.
รถไฟสาย Namboku สถานี Susukino ทางออก 3
รถไฟสายToho สถานี Susukino ทางออก4
ชั้น B 2 ของตึก Cyber City
มาที่นี่งงพอควร เดินหลงอีกด้วย แต่ก็เดินตามแผนที่มาจนเจอ ด้านหน้าตึกมีร้านสะดวกซื้อ สามารถไปที่ร้านโดยใช้ลิฟท์หรือลงทางบันไดก็ได้ เมื่อมาถึงจะได้ยินเสียงคนไทยคุยกันเยอะมาก เพราะร้านนี้เหมือนเป็นไอเท็มหนึ่ง ที่เมื่อมาถึงฮอกไกโดแล้วก็ต้องแวะมา อะไรอย่างนั้นก็ไม่ปาน หลังจากต่อแถวก็จะได้รับคิว จองเวลาว่าจะต้องมาทานตอนไหน ผมเลือก 70นาที (เมื่อก่อน 90 นาทีแหน่ะ ) ช่วงที่รอก็ไปเดินสูดอากาศ ดูของร้านสะดวกซื้อไปพลางๆ เมื่อใกล้ถึงเวลาก็ลงมาที่ร้าน
เข้าไปในร้านก็ได้เวลาจัดการกิน เดินไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆ กรรไกร ที่คีบ ที่แคะ จากนั้นก็ไปเอาของกิน น้ำ ปู เนื้อ เมื่อพร้อมแล้วก็จัดการ สวรรค์ของการกิน มีแค่ 70 นาที ไม่มีเวลามานั่งถ่ายรูปทำอะไรเลย
ที่ใช้เวลามากที่สุดคือการย่างเนื้อสัตว์ พลาดมาก เอามาเยอะ ส่วนปู ผมว่านึ่งมาแล้ว เอามาอุ่นหน่อยๆก็ทานได้ แกะกันมันส์เชียว น้ำจิ้มไม่ได้จิ้มเลย ความหวานความเค็มมันอยู่ในเนื้อปูแล้ว มื้อนั้นคุ้มมากครับ หลังจากท้องรับอาหารไม่ไหว ช่วงที่ไปเป็นฤดูร้อน มีเมล่อนมาให้ชิม ก็ตบท้ายด้วยเมล่อน ทานไปเยอะมาก เพราะรู้ว่าข้างนอกแพง ชิมซะคุ้มเลย
...กลับมาสนามบินชินชิโตเสะอีกครั้ง ที่นี่จำหน่ายของฝากเยอะมาก ของกินน่าสนใจหลายอย่าง ถ้าไม่ติดว่าต้องไปโอซาก้าก่อนนะ จะซื้ออาหารทะเลสดๆที่นี่ไปฝากคนที่บ้านแล้ว พอได้เวลาเช็คอินผมก็ไปที่เคาท์เตอร์ของ Jet star แล้วก็รอเวลาขึ้นเครื่องไปโอซาก้า...
สำหรับซัปโปโรเป็นเมืองที่ประทับใจมาก บ้านเมืองสวยงาม อาหารทะเล ผลไม้ รสชาติดีมาก เครื่องสำอางที่นี่ราคาถูกกว่าที่โอซาก้าด้วย การเดินทางไปมาก็สะดวก มีรถไฟถึงกัน แต่รถไฟแต่ละสถานีต้องเดินเยอะ รถไฟที่นี่เร็วมาก มาเทียบสถานีแต่ละทีเหมือนหัวโดนพัดลมดูด 555 สำหรับผมคิดแล้วยังเสียดายที่ให้เวลากับที่นี่น้อย ทำให้ไปไหนมาไหนได้ไม่มาก ถ้ามีโอกาสมาอีกคงจะให้เวลากับเมืองนี้ ภูมิภาคให้นี้เยอะที่สุดครับ
.....
.............................................................
ฮอกไกโดยามค่ำคืน
ผู้คนมากขวักไขว่เดินซื้อของ
ป้ายจำลองโฆษณาดึงจุดขาย
แสงสะท้อนในเงาน้ำดังระบาย
ไร้ลวดลายตึกขาวบอกเวลา
...สวัสดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น