May Japan 3.2 :ชมวัดเก่าแก่ แลปราสาทอีกา @ นากาโน่



   หลังจากเดินจากมาถึงนากาโน่ ก็ได้เวลาออกไปผจญภัยอีกครั้ง เพราะงงกับทางแยกที่จะเดินไปโรงแรม คือจากสถานีนากาโนะ มีหลายทางมาก หลายแยกมาก เลยเปิดเดินตามแผนที่


    เดินไปสักพักก็รู้เลยว่าเดินผิด 555 แล้วก็เลือกตามเดินใหม่วนไปมาจนถึงโรงแรม

     สำหรับที่เมืองนากาโน่ เมืองนี้มีธรรมชาติที่งดงาม มีสถานที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่ง แต่โปรแกรมการท่องเที่ยวของผมที่มีเวลาจำกัด และสภาพอากาศที่บับบบบบว่าาาา เมฆครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้เลยตัดสินใจไปเที่ยวเพียง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสองแห่ง นั่นก็คือ ...

 

วัดเซ็นโคจิ วัดพุทธเก่าแก่ของเมือง (Zenkoli Temple)
ว่ากันว่า สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7

    การเดินทางไปวัดสามารถเดินทางด้วยเท้าของเรา และสามารถขึ้นรถจากสถานีนากาโนะไปได้ ด้วยความประหยัด ก็เดินชิลจากโรงแรมไปเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าวัด เมื่อผ่านประตูไม้เก่าแก่ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติอันล้ำค่าทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น หรือ Sanmon gate ไปจะเจอถนนนากามิเสะ มีของต่างๆ หลายอย่างให้เลือกซื้อ เมื่อเดินเข้าไปอีกด้านซ้ายจะมีสระน้ำ และอาคาร ตรงด้านหน้าเราก็คืออารามไม้เก่าแก่...

 

     ก่อนจะเข้าไปใน Zenkoji Hondo ก็ล้างมือ ปาก ตรงด้านขวามือ เมื่อเข้าไปด้านในจะมีรูปสักอย่าง ผมเห็นชาวญี่ปุ่นลูบกันผมก็ลูบบ้าง ถ้าจะเข้าไปส่วนที่เป็นเสื่อด้านใน ซื้อตั๋วจากตู้ จ่ายคนละ 500 ¥ เมื่อจ่ายแล้วก็นำรองเท้าใส่ถุง ยื่นตั๋วให้พนักงาน แล้วขอโบรชัวร์เป็นภาษาอังกฤษ

     ความที่เราเป็นคนต่างชาติเนอะ อะไรก็ฟังไม่ออก แต่เห็นมีคนญี่ปุ่นสองคนนั่งตรงเสื่อด้านใน เราก็ไปนั่งบ้าง ทีแรกก็มีสองคน ไปๆมาๆ คนมาจากไหนไม่รู้เยอะมาก มานั่งด้านหลังผม แล้วก็มีพระมานั่งเต็มตรงหน้าเลย ตอนนั้นคืออึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกัน พอพระสวดเห็นคนพนมมือเราก็ทำตาม แล้วตอนพระสวดน่าจะมีพิธีสักอย่าง ผมนี่ขนลุกมากเลยครับ ตรงด้านหน้าจะมีม่านที่เปิดม่านพับขึ้นพับลง ผมคิดว่าด้านในคงเป็นสิ่งศักดิ์หรือพระพุทธรูปที่สำคัญสักอย่าง แต่มองไม่ชัดเพราะเครื่องประดับรอบๆ แวววาวมาก หลังจากพิธีเสร็จ คนอื่นเค้าก็เดินไปตามทาง ผมก็เดินตาม

     ทางตรงนั้นเรียกว่า Okaidan-meguri ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าคืออะไร คิดว่าข้างใต้นั้นมีพิพิธภัณฑ์ แต่เปล่าเลย มืดมาก น่ากลัวมาก พูดแล้วขนลุก เมื่อเดินให้เอามือขวาสัมผัสไปตามทาง จะเจอกับกุญแจสู่สวรรค์ ว่ากันว่าตรงนั้นเป็นจุดที่ตรงกับพระประธานอยู่ และเมื่อสัมผัสกับกุญแจ จะเป็นการสัญญาว่าเมื่อเราตายจะตายอย่างสงบ เมื่อเดินไปเรื่อยๆจนถึงทางออก รู้สึกเลยว่ามันเหมือนสวรรค์จริงๆ และรู้สึกดีมาก ใครมาที่นี่ก็อย่าลืมแวะไปสัมผัสกันด้วยนะครับ

     เมื่อชมรอบๆเสร็จผมก็เดินทางไปสถานีนากาโน่ แต่รอบนี้ขอไปด้วยรถประจำทาง ที่ป้าย Zenkoji -Daimon
ค่ารถ 150 ¥


     ถึงสถานีก็ขึ้นไปตัวอาคารเพื่อซื้อตั๋วไป Matsumoto มีทั้งรถแบบเร็ว ซึ่งราคาแพง และรถแบบถูก ซึ่งแน่นอนผมนั่งรถราคาถูก นั่งรอแล้วก็รออีกรถก็ยังไม่มา จนคนที่มารอพร้อมๆกันขึ้นรถไฟขบวนอื่นไปแล้วรถก็ยังไม่มา จนเลยเวลารถไฟไปแล้วรถก็ไม่มา จนมารู้ทีหลังว่ารอผิดที่ รถไฟขบวนไม่ยาว เมื่อลงบันไดมา ต้องเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อรอรถไฟ เสียเวลาไปเลยฟรีๆ เกือบ 2 ชั่วโมง

    เมื่อรถไฟมาก็ขึ้นแล้วก็นั่งเพลินๆ จนไปถึงสถานี Matsumoto

 
  วิวระหว่างทาง เห็นภูเขาหิมะลางๆ

     จากสถานี Matsumoto สามารถไปสถานที่สำคัญของเมืองนี้ได้ทั้งรถบัส (ตามเวลารถออก) หรือด้วยการเดิน แผนผมทีแรกจะนั่งรถไป แต่ต้องรอรถนานก็เลยเดิน ตามถนนหนทางสะอาดสะอ้าน ร้านรวงต่างๆก็น่าแวะ แต่ไปให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อนดีกว่า และแล้วผมก็เดินมาจนถึง...
...

...
ปราสาทมัตสึโมโต้
เพราะสีดำของตัวปราสาท และปีกด้านต่างๆของปราสาทกางออก ทำให้มีอีกชื่อว่าปราสาทอีกา

 
หลังจากเดินผ่านรั้วนี่ก็คือภาพแรกของตัวปราสาทที่ได้เห็น
ดีใจจัง ^^

 
เข้าไปซื้อตั๋วด้านในกัน


 
ได้มาแล้วตั๋วราคา 410 ¥
ไม่รู้ปกติราคาเท่าไร แต่เย็นวันนั้นผมจ่ายเท่านี้ แล้วรีบกันหน่อย 
มีเวลาชมด้านในไม่ถึงชั่วโมง

 
นึกว่ามีห้าชั้น จริงๆมี หกชั้นนี่นา
 
ข้าวของเครื่องใช้ด้านในปราสาท มีแต่อาวุธทั้งนั้น

 
ชุดเกราะ
ภาพด้านบนขวาผมไม่รู้ว่าคืออะไรเหมือนกัน แต่อยู่ชั้นบนสุดด้านบนปราสาทเลย

 
เห็นปลาทีแรกคิดว่ามันคืออะไรนะ มองออกไปนอกหน้าต่างเลยอ๋อทันที

 

บันไดแต่ละชั้นของที่นี่แตกต่างกันมาก บางชั้นชันมาก บางชั้นชันน้อย ขานี่สั่นเลย

 
วิวจากด้านบนของปราสาท วันที่อากาศดีมีเมฆน้อย สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมะได้ด้วยนะเออ

 

     ภาพรวมของปราสาทนี้หรอ ถ้าพูดถึงความงดงามตัวปราสาท บอกเลยว่างดงามมาก ยิ่งเวลาแดดส่องตอนเย็นๆนะคืออือหือ สวยสุดๆ ถ้าพูดถึงเรื่องความเป็นมา ปราสาทนี้ก็เป็นหนึ่งในปราสาท ที่รอดพ้นจากการทำลายล้างช่วงสงครามโลก ถ้าพูดถึงเรื่องสถาปัตยกรรม การแบ่งการใช้งานพื้นที่แต่ละชั้น รวมถึงมีพื้นที่ใช้ชมจันทร์ยามค่ำคืน คนคิดเก่งสุดๆ และถ้าพูดถึงตำนานก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า การบวงสรวงสิ่งของเพื่อบูชาเทพเจ้า เพื่อความอยู่รอดให้พ้นจากภัยของศัตรู หรือตำนานเรื่องความรักที่นี่ก็มีครับ

พูดรวมๆคือ ถ้ามาแล้วไม่มาที่นี่ถือว่าพลาด ด้วยประการทั้งปวง!!!



    ไม่ได้โน้มน้าวใจเล๊ยยย 555 หลังจากอิ่มกับความงดงามของตัวปราสาทก็ได้เวลากลับ คือเป็นคนเรื่องมากเนอะ ไก่ก็ไม่ทาน เนื้อก็ไม่ทาน ร้านไหนก็ไม่ถูกใจ เพราะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก สุดท้ายก็ไม่พ้นร้านมัตสึยะ ตรงข้ามกับสถานีมัตสึโมโต้ครับ ทานไปเพลินๆ จนได้เวลาไปรอรถไฟกลับมานากาโน่

 
มัตสิยะ ร้านโปรด
     ช่วงเย็นวันนี้คนแน่นมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนเยอะมากๆ ผมยังคิดเลยว่าถ้ารถไฟเราดีแบบบ้านเค้า น้องๆนักเรียนคงไปกลับด้วยการโดยสารรถไฟเยอะแน่ๆ 

     เมื่อถึงนากาโน่ก็ไปเอากระเป๋าที่โรงแรมและหาอาหารทาน แล้วก็มารอรถบัสเพื่อกลับ

  
      ฝนพรำๆ อากาศเย็นๆ ก็ต้องรองท้องด้วยอะไรอุ่นๆ ไม่ได้ถ่ายรูปร้านมา อยู่ริมถนนตรงข้ามสถานีนากาโน้เลย รสชาติดีครับ มีเมนูภาษาอังกฤษ

    การรอรถที่นี่แอบยาก เพราะเอาจริงๆหาจุดรอรถไม่เจอ ผมเลยเปลี่ยนไปรอที่จุดรอรถบัสของบริษัทแทน ถ้าเพื่อนๆไปรอตอนทุ่มกว่าๆอาจจะยังไม่เปิด ต้องมาสักสามทุ่มเกือบๆสี่ทุ่มนะครับ ตรงจุดรอรถนี้มีห้องน้ำและที่นั่งพักให้ ด้านข้างมีมินิมาร์ท เดินทางสถานีมาไม่ไกล ไม่ต้องกลัวตกรถ ถ้ามารอตรงนี้แนะนำให้มารอก่อนสักครึ่งชั่วโมงหรือตั้งแต่สามทุ่มครึ่งสำหรับรถรอบดึกก็ได้ครับ พอรถใกล้มาก็ไปถามว่าคันนี้ไหม ถ้าใช่ก็ขึ้นไป ชาร์ตสิ่งต่างๆ แล้วก็หลับ 

     ขากลับนี่ผมหลับๆตื่นๆ รถแวะบ่อยมาก แวะครั้งนึงก็ครึ่งชั่วโมง หุหุ แอบเพลีย

ประมาณ ตีห้าครึ่งรถก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ