May Japan 3.1 :จากโทยามะ กำแพงหิมะ ถึงนากาโน่
ร้อนมะ? ไปโทยามะ ไปนากาโน่
ไปดูกำแพงหิมะที่ทาเตยามะกันมะ?
เส้นทางทาเตยามะ คุโรเบะ แอลไพน์
: Tateyama Kurobe Alpine Route
-----
หลังจากมาถึงสถานีชินจูกุก็ไปซื้อตั๋ว Tateyama Kurobe Option ticket ราคา 9,000 เยน (2016) ที่ JR EAST Travel Servicecenter (Shinjuku station)
เมื่อตัวเบาจากการซื้อตั๋ว ก็ได้ออกไปเดินเล่น ทีแรกกะว่าจะไปCafe เพื่อนั่งพักและอาบน้ำ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย ตกมาตั้งแต่สถานีคาวากุจิโกะจนมาถึงสถานีชินจูกุก็ยังไม่หยุดตก ออกจากสถานีรถบัสไปนอกจากเปียกฝนแล้วยังหลงทางอีก TT สุดท้ายก็เลยกลับมานั่ง คิดทบทวนและวางแผนใหม่
เปียกแค่ไหนก็ยังจะมีอารมณ์ถ่าย
ตอนนั้นคือหมดอารมณ์มาก น้ำเนิ้มไม่อาบละ หาอะไรรองท้องดีกว่า บัดดี้เลยค้นหาว่ามีร้านอะไรบ้าง สุดท้ายก็จบด้วยมัตสึยะ
จากสถานีรถบัสชินจูกุเดินหามัตสึยะไม่ยาก แต่บอกทางไปไม่ถูกเหมือนกัน คือเปิดตามจากกูเกิล ณ ตอนนั้นคิดแล้วตลกตัวเอง เดินตากฝนพร้อมลากกระเป๋าผ้า เดินต๊อกๆๆๆ ไปตามทางแล้วหยุดพักตรงร้านอาหารร้านนึงเพราะมีกันสาด แผนที่บอกว่าเดินไปอีก พอเดินไปอีกดูแผนที่ แผนที่บอกให้เดินกลับ ก็เดินกลับมา จะได้กินไหมเนี่ย เฮ้ออออ
ดูข้อมูลอีกทีแล้วก็ต้องอ๋อ สรุปแล้วมัตสึยะคือร้านที่เราหลบฝนร้านแรกนั่นแหละ ป้ายตัวอักษรแรกเป็นกลมๆ สีเหลืองๆ
เข้าร้านไปก็ตามขั้นตอนคือ หยอดเงินใส่ตู้ เลือกเมนูภาษาอังกฤษ เลือกอาหาร รับกระดาษสั่งอาหาร รับเงินทอน เมนูนั้นผมได้ชุดข้าวหน้าหมูย่าง พร้อมสลัด ราคา 670¥
น่าทานไหมครับ!!!
ขึ้นรถสี่ทุ่มกว่า ยังมีเวลาเหลือ หลังจากออกจากร้านก็ไม่เล่นคีบตุ๊กตา โห!!! น้าคนนั้นคีบได้เยอะจัง ความโลภก็บังเกิดสิครับ คงง่ายแน่นอน หึหึ เสร็จเราแน่ๆ!!!
อยากจะหัวเราะตัวเองเป็นภาษาญี่ปุ่น 555 ที่เห็นง่ายๆ ผมนี่หมดไปเป็นพัน คีบแล้ว คีบอีก เห็นง่ายๆแต่ไม่ได้ซักตัว จนต้องบอกตัวเองว่าพอ ไปรอรถเถอะ บางอย่างก็ไม่เหมาะกับเรา
เมื่อถึงสถานีขนส่งชินจูกุ ก็นั่งรอ ล้างหน้า เช็ดตัว เตรียมตัวขึ้นรถ สำหรับการไปโทยามะของผม ที่นั่งรถบัสเพราะราคาถูก ใครจะไปโดยรถไฟก็ได้ครับถึงเร็วกว่ามาก
จองของบริษัทนี้แหละ แต่ยังไม่ใช่คันของเรานะ
เพราะผมจองรถมาจากไทยแล้ว เมื่อถึงเวลารถมาก็ยื่นกระดาษที่ปริ้นมาให้เค้าดู พนักงานขับรถก็ดูเอกสารแล้วให้เราขึ้น ถ้าเช็คเมลล์ บริษัทเค้าก็ส่งเมลล์มาเหมือนกันว่าเราได้เลขที่นั่งเท่าไหร่ และควรไปก่อนเวลารถออกสัก 20-30 นาทีนะครับ เค้าบอกแค่ 10 แต่ผมเผื่อไว้ บนรถไม่มีห้องน้ำ และไม่รู้ว่าเค้าจะจอดอีกทีเมื่อไหร่ ควรทำธุระให้เรียบร้อยก่อนขึ้น
เบาะนุ่มๆ มีที่ครอบ ที่ชาร์ตแบตอยู่ข้างๆ
พอขึ้นไปแล้วก็เอนหลัง ปรับเบาะ ชาร์ตสิ่งต่างๆ และนอน
รถคันที่นั่งมาจอดแวะตามทางด้วยครับ ที่ละครึ่งชั่วโมง ผมจำไม่ได้ว่าจอด 2หรือ 3 เพราะหลับๆตื่นๆ แอบเบลอ ตรงที่จอดก็เป็นจุดพักรถ มีร้านขายของ ห้องน้ำใหญ่ และสะอาดมาก ปลดทุกข์จริงๆ
ประมาณหกโมงรถก็มาถึงสถานีโทยามะ
จุดรถจอดเป็นทางทิศเหนือ ถ้าเป็นเด็นเทสึโทยามะ ต้องเดินลอดอุโมงค์ไปอีกทาง แต่ขณะนั้นก็ขอทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปเด็นเทสึโทยามะ
เมื่อถึงสถานีเด็นเทสึโทยามะผมก็หาช่องฝากกระเป๋าตอนเราเที่ยว และรับที่ปลายทาง ทีแรกก็หาไม่เจอแต่เทียบตามรูปในคู่มือ ที่ฝากกระเป๋าก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วด้านในสุดนั่นเอง ขั้นตอนการฝากก็เพียงบอกว่าจะไปรับที่ไหน ก็จะได้ tag มาติดกระเป๋า เราก็เก็บไว้ใบนึงเพื่อไปแสดงที่ปลายทาง แล้วก็จ่ายเงิน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ตามจริงผมอยากไปรับที่นากาโนะ แต่วันที่ไปเค้าหยุดบริการ จึงต้องฝากจากที่นี่แล้วไปรับที่ชินาโนโอมาชิ
การมาโทยามะจะมาให้เป็นแค่เมืองผ่านก็กะไรอยู่ ผมจึงแวะไปสักการะ 1 ใน 3 พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
การเดินทางไม่ยาก ผมเดินกลับไปตรงสถานีทางทิศเหนือ แต่คิดว่าทางทิศใต้ก็น่าจะมีทางเข้านะ จะซื้อตั๋ว หรือใช้ pasmo suica ก็ได้ ติ๊ดเสร็จก็ถามเจ้าหน้าที่ว่ารอที่แพลตฟอร์มเท่าไหร่ แล้วเดินไป แต่บอกเลยว่าเดินไกลมากกกกกกกกก กว่าจะถึงชานชลา ผมไปรอบเจ็ดโมงกว่าๆ นักเรียนเยอะมาก นักเรียนมีขึ้นและลงทุกสถานี ประมาณเกือบๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโทยามะ
เมื่อมาถึงโทยามะ ยังงงว่าจะไปทิศไหน ผมก็เอาภาพมาโชว์ถามทางคนญี่ปุ่น เค้าก็ใจดีบอกมาซะยาวเลย พอเดินออกมากจากสถานีรถไฟก็เปิดตามแผนที่แล้วจนถึง
เดินลงมาจากสถานีก็จะเจอห้างที่มีรูปปั้น มีป้ายบอกทางอยู่ ลองผจญภัยดู
ในความคิดแรกนึกว่าเป็นวัด มีรั้วรอบขอบชิด แต่เปล่าเลย อยู่ติดถนน ใครก็สามารถแวะมาสักการะได้ ฟรี!!!
รอบๆอาคาร รูปปั้นต่างๆ
ภายในองค์พระสามารถเข้าไปชมได้
ดีใจมากเลยครับ ครั้งหน้าต้องไปนาระเพื่อสักการะอีกองค์
เมื่อได้เวลาสมควรก็กลับไปยังสถานีรถไฟทาคาโอกะ เพื่อต่อรถไปโทยามะ เพื่อจะให้ทันรถไฟไปชมกำแพงหิมะ ถ้ายังมีเวลาเหลือหาอะไรรองท้องจากมินิมาร์ทไปก่อนก็ได้นะครับ
พอถึงสถานีโทยามะผมนี่รีบเดินเร็วเลย กลัวไม่ทันรถไฟ พอไปถึงสถานีเด็นเทสึโทยามะ ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็ไปขึ้นรถไฟ วันที่ไปท้องฟ้าไม่เอื้ออำนวยเลย มองไปด้านไหนก็เห็นแต่เมฆ ถ้าขึ้นรถไฟแนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายวิวสวยดี
รถไฟ บรรยากาศบนรถ วิวข้างทาง
เมื่อถึงสถานีทาเตยามะก็มาต่อทาเตยามะเคเบิลคาร์ ที่สถานีนี้ต้องเอา pass ที่ซื้อมาไปแลกเป็นตั๋วในการเดินทางที่เส้นทางนี้ ตอนผมไปผมไม่รู้จริงๆว่าต้องแลกตั๋ว คือต่อคิวแล้วพอถึงคิวเรายื่น pass ให้ เค้าบอกใช้ไม่ได้ ต้องแลกก่อน พอไปแลกเสร็จก็ลีลารอสแตมป์ตราประทับ จนเจ้าหน้าที่เดินมาหาและบอกให้รีบไปขึ้นเคเบิลคาร์เกือบแล้วไหมล่ะ!!!
สถานีทาเตยามะ ทาเทยามะเคเบิลคาร์ที่ใช้ไป Bijodaira
ขอย้ำอีกทีว่าอย่าลืมแลกตั๋ว!!!
จาก Bijodaira ต่อรถบัสไป Murodo นั่งหน้าฝั่งซ้าย
ขึ้นรถสักพักรถจอดครั้งแรก แวะชมน้ำตกโชเมียว น้ำตกที่สูงเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น 350 เมตร ภาพไม่ค่อยสวยเพราะผมซูมสุดๆ รถจอดแวะคือแวะในชมผ่านกระจกไม่ได้ลงจากรถ
แล้วรถก็จอดครั้งที่สองแวะชมต้นสน ผมก็ฟังไม่ทันว่าเขาพูดอะไรแต่ แต่ที่ราบบิโจไดระ ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นสนและหญิงงาม
"กล่าวคือเมื่อ 1300 ปีก่อน มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้บึกเบิกเส้นทางสายทาเทยามะ นางอยากพบคู่หมั้นจึงปีนไปบนยอดเขาทาเตยามะ แต่เชื่อกันว่าผู้หญิงห้ามปีนเขา จึงถูกไล่ลงมา ระหว่างทาง นางได้พบต้นสนต้นนึง จึงเอ่ยว่า ต้นสนที่งดงาม หากมีใจตรงกัน ช่วยฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด และขอพร หลังจากนั้นคำขอพรก็เป็นจริง ทั้งสองคนได้หมั้นหมายกัน ดังนั้นต้นสนต้นนี้จึงถูกเรียกว่า บิโจสุไง (ต้นสนหญิงงาม) และบริเวณนั้นได้ถูกเรียกว่าที่ราบไบโจไดร่า"
เรื่องคร่าวๆ จากแผ่นพับที่ได้มาครับ
นั่งรถไปก็ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ ยิ่งไต่ระดับความสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ทัศนวิสัยก็ยิ่งลดลงจนมองเห็นแต่หมอกภาย
และรถก็มาถึงกำแพงหิมะยูคิโนะโอตานิ แต่วันนี้โชคร้าย ภูมิอากาศที่เลวร้ายภายนอกทำให้ไม่สามารถแวะหรือจอดให้ชมได้ จนรถไปจอดที่สถานีมูโรโด ข้างในคนพลุกพล่านแออัดมาก เพราะคนไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เพราะหิมะตก งง ว่าจะไปทางไหนดี แต่อันดับแรก ตอบคำถาม ผ่านapp แล้วแลกของที่ระลึกเป็นโปสการ์ดสามใบ (ของฟรี พลาดไม่ได้)
จากนั้นก็ลงไปด้านล่าง ตามป้าย แต่เส้นทางปิด เค้ากั้นไว้หมด TT
ผมเลยเดินขึ้นไปหาอะไรกินได้สองอย่างนี้มาทานรองท้อง อร่อยดี
จากนั้นก็ออกไปดูกำแพงหิมะจำลอง ไม่สูงมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่เห็นอะไร
รอบๆหิมะตกแรง หนาวมาก อยู่นานไม่ได้
กลับมาในอาคารและขึ้นไปชมอะไรสักอย่าง
ผมอยากรู้เหมือนกัน แต่อ่านไม่ออก
อยากรู้ประวัติของสิ่งต่างๆเหล่านี้จัง
ตามจริงอยากจะอยู่ที่นี่นานๆ แต่ว่าคือไม่ไหวจริงๆ เลยต้องกลับ ถามว่าเสียดายไหม? ก็เสียดายนะ แต่ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่ละกัน เที่ยวธรรมชาติก็ต้องตามใจธรรมชาติ เมื่อใกล้เวลารถออก ก็ไปต่อคิวรอนั่งรถบัสไฟฟ้าลอดอุโมงค์ทาเตยามะ ไปที่ไดกันโบ ถึงสถานีนี้มีเวลาไม่มากนักและไม่สามารถชมอะไรได้ผมเลยต่อกระเช้าเพื่อไปที่ต่อไป
สำหรับกระเช้าไฟฟ้าทาเตยามะ กระเช้าไฟฟ้าแบบไม่มีเสากลางที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น แอบหวาดเสียวเพราะสูงมาก
ลงมาที่ราบสูงคุโรเบะไดระ ผมออกชมวิวด้านนอกแปบนึง ที่จริงวันนั้นถ้าฟ้าเปิดคงจะสวยมาก เสียดายวิวสวยๆ มองไม่เห็นอะไรเลย
แล้วก็มาขึ้นคุโรเบะเคเบิลคาร์ เมื่อมาถึงก็เดินไปไปทะเลสาบคุโรเบะ
ภายในตัวเขื่อน และรอบๆ
ตรงกลางเขื่อน
เขื่อนคุโรเบะ เขื่อนที่มีความสูง อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น สถานีนี้แอบเดินเยอะแต่วิวสวย แล้วมารอนั่งรถบัสรางไฟฟ้าอุโมงคันเด็นเพื่อไปโองิซาวะ
รถบัสรางไฟฟ้าอุโมงคันเด็น
สำหรับสถานีนี้ควรมาก่อนหน้าสัก 20นาที ช่วงที่ผมมาผมคิดว่ามาถึงก่อนห้านาทีก็ทัน แต่ปรากฏว่าเดินไกลมากและรถออกเร็วต้องรอรอบต่อไปอีกนานเลย แต่พอก่อนเวลารถออกคนเริ่มต่อคิวผมก็ไปต่อตาม บอกได้เลยว่าต้องมาต่อก่อนเพราะสถานีนี้คนเยอะมาก
เมื่อถึงโองิซาว่าก็ต่อรถไปสถานีชินาโนโอมัตจิ และรับกระเป๋า จากนั้นก็มารอรอรถประจำทาง
สำหรับวันนี้ถือว่าเหนื่อยพอควรที่ต้องเดินทางเยอะ ตั้งแต่นั่งรถบัสจากโตเกียวมาโทยามะ และเดินทางในเส้นแอลป์ ทาเตยามะ คุโรเบะ หากใครจะมาก็ควรเตรียมร่างกายและดูพยากรณ์อากาศมาด้วย ผมนี่เสียดายมากที่มาแล้วไม่ได้เห็น คราวหน้าต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ดูพยากรณ์อากาศก่อนมา จะออกเดินทางแต่เช้าเลย!!! การเที่ยวชมเส้นทางนี้ อาจจะเริ่มจากฝั่งนากาโนะ หรือโทยามะ แล้วกลับทางเดิม หรือเริ่มทางนึงทะลุอีกทางนึงก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก และตั๋วพาสต่างๆที่มีอยู่ในมือครับ
เมื่อรอตามเวลาและรถประจำทางมาถึง ก็นำกระเป๋าขึ้นรถ โชว์ตั๋ว แล้วคนขับเค้าเก็บตั๋วไปเลย รอพักสัก รถก็ออกและพาเราไปยัง...
-----
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น