J-trip ตอนที่ 4 : ลุ้นชมภูเขาไฟฟูจิที่ Kawaguchiko
มาถึง kawaguchiko station ประมาณหกโมง-ทุ่มกว่าๆ แต่ท้องฟ้ามืดมากเลย ฝนฟ้าก็ไม่ค่อยเป็นใจ เปียกแฉะไปหมด
ปูเสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ประมาณหกโมงเช้าก็ได้เวลาตื่นเพื่อที่จะไปยังเจดีย์แดงเพื่อถ่ายรูปให้ออกมาฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ปรากฏว่าพอเปิดหน้าต่างออก โหววว!!! ฝนตก เมฆเยอะมาก เลยมาคิดทบทวนอีกทีว่าแพลนวันนี้คงล่มแน่ อากาศเย็นๆ ฝนพรำๆยิ่งเศร้า มาเพื่อดูฟูจิแต่จะไม่ได้เห็นฟูจิงั้นหรอ TT
ไหนๆก็มาตั้งไกล นั่งรถตั้งนาน ถึงวันนี้จะไม่ได้เห็นก็เดินดูรอบๆละกัน ผมก็เดินเลาะมาตามทาง
เดินไปตามถนน ฟ้าครึ้มๆ อากาศเย็นสบายๆ เดินดูบ้านเมือง เดินดูรถรา ใบไม้เปลี่ยนสี คนตกปลา
จนถึง...แถ่น แถน แถ๊นนน
ทะเลสาบคาวากูจิโกะ มีขนาดใหญ่มากครับ มีเรือปั่นบริการด้วย รอบๆก็สวยดี ใบไม้สีแดงสีส้มสีเหลืองสีเขียวแซมปะปนกัน มีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะแยะเลย
แอคชั่น/เหลียวหลัง
ยืนเท่ห์ๆ/นั่งบ้าง เมื่อยแล้ว
ยืนตามการ์ตูน/ด้านหลังคืออะไรไม่รู้แต่ก็ถ่ายมาด้วย
และที่จะพลาดไม่ได้เลยเมื่อไปในแต่ละเมืองคือ
.....
...
. .
.
ถ่ายร่วมกับฝาท่อ
สวยดีครับเป็นภูเขาไฟฟูจิกับทะเลสาบด้านล่างผมคิดว่าคงจะเป็นทะเลสาบคาวากูจิโกะแน่เลย ถึงจะไม่ได้เห็นเป็นๆก็เห็นจากฝาท่อนี่แหละ 555 เดินชมรอบๆสักพักก็เดินกลับโรงแรมเพื่อเก็บของกลับโตเกียว
ระหว่างชมนกชมไม้ อยู่ๆสายตาก็เหลือบไปเห็นเศษเสี้ยวของฟูจิที่โผล่ออกมาหลังม่านเมฆ ที่เพียงแปบเดียวเสี้ยวของภูเขาก็หายไป เฮ๊ยยย ดีใจอ่ะ แค่เล็กน้อยก่อนกลับก็ยังดีกว่าไม่เห็นอะไรเลย
ตอนนั้นดีใจมาก จากความหวังที่จะได้เห็นฟูจิซังเป็น 0 ก็เริ่มมีความหวังมากขึ้นเป็น 5% เมื่อถึงโรงแรมไปถามพนักงานว่ามีโอกาสที่เราจะได้เห็นมากขึ้นไหม พนักงานก็ให้กำลังใจเราว่าอาจจะ แต่วันนี้มีเมฆมากรวมถึงฝนตกด้วย ให้ลุ้นเอา เมื่อได้เวลาก็ให้พนักงานก็ไปส่งพวกเราที่สถานีรถไฟ
กลับมาลังเลอีกครั้งว่าจะไปเจดีย์แดงดีไหม พอคำนวณระยะทาง เวลาต่างๆแล้วคือไปไม่ทัน เลยตัดสินใจที่จะไม่ไปแต่นั่งรอรถอยู่ที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งหาอะไรกิน แบกเป้สะพายกล้องเดินดูของจากร้านขายของที่ระลึก ขณะที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ เห็นคนมุงยืนดูอะไรทางด้านข้างสถานีรถไฟ แล้วชี้ไปทางด้านหลังนะ หุหุ ด้วยความอยากรู้เลยเดินไปดู ฟูจิซังโผล่มาอีกแล้ว เห็นเยอะขึ้นด้วย ความหวังจาก 5% เพิ่มเป็น 20%
เมื่อเห็นเพิ่มขึ้นแบบนี้ ผมก็เลยหาพื้นที่ร่มๆ ที่สามารถมองผ่านสถานีไปยังด้านหลังได้ พร้อมทั้งกินเค้กคัทสึเทร่ารอ เผื่อว่าความหวังในการเห็นที่มีจะได้เพิ่มขึ้น แต่แล้ว เมฆก้อนมหึมาก็ลอยมาบดบังจนมิดอีกรอบ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่า โผล่มาให้เห็นก่อน 11 โมงเถอะต้องกลับโตเกียวแล้ว.....ฟูจิซังเจ้าเอยจะขี้อายไปไหน
ฟ้าหลังเมฆย่อมสดใสเสมอ เมื่อมวลเมฆก้อนใหญ่ลอยผ่านไป ก็ได้เห็นฟูจิซังเพิ่มขึ้นมาอีก จาก 20% เป็น 40%แล้วตอนนี้
สักพักฟ้าก็เริ่มโปร่ง ในใจได้แต่ภาวนาว่า อย่าให้มีเมฆก้อนใหญ่มาอีกเลย แต่แล้วก็มีเมฆจากไหนไม่รู้ลอยมาบังซะมิดก่อนจะลอยผ่านไป จาก 40% ความหวังในการเห็นเพิ่มขึ้นเป็น 50%
จะสิบโมงครึ่งแล้ว กินแต่เค้ก ข้าวก็ยังไม่ได้กิน หิวนะแต่ก็รอดูอยู่ เพียงแค่ได้เห็นยอดก็ฟินแล้ว
นั่นไง นั่นไง นั่นไง!!! โผล่มาให้เห็นแล้ว เชื่อว่าจะได้เห็นก็ต้องได้เห็น
รอมานาน จากที่ไม่มีความหวังว่าจะได้เห็น สุดท้ายก็ได้เห็นสมใจอยาก มันฟินอ่ะ!!!
ภาพที่ถ่ายในวันนี้ ถึงจะไม่มีฉากที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้โพสกับเจดีย์แดงอย่างที่คิดไว้ มีเมฆรอบฟูจิซังเยอะ แต่คุณค่าของมันอยู่ที่ ต้องใช้เวลารอเพื่อที่จะเห็น ทั้งที่บางทีอาจจะรอเก้อ ต้องภาวนาในเมฆที่บดบังจางหายไป และสุดท้ายต้องใช้ความพยายามในการบอกให้ตัวเราเองรออย่างมีความหวังเพื่อให้เห็นสิ่งที่มีอยู่แต่ถูกบดบัง .....ฟูจิซังหลังม่านเมฆ
อิ่มตา อิ่มใจ แล้วก็ต้องอิ่มท้อง ภายในสถานีมีร้านขายอาหารอยู่ ทางร้านจะขายเป็นชุดๆ พอมีลูกค้าคนอื่นออกไปผมก็รีบเข้าไปนั่งที่ๆผมคิดว่าดีที่สุด เพราะตรงนั้นเมื่อมองผ่านกระจกออกไป จะมองเห็นฟูจิซังได้ชัดเจน.....วันนี้อยู่ไกลกัน สักวันคงจะได้ใกล้ชิด
เมื่อพบก็ต้องมีพรากสุดท้ายก็ได้เวลาที่ต้องจากกัน ได้เวลาก็ต้องขึ้นรถกลับ ผมนั่งติดริมหน้าต่าง มองดูภูเขาไฟฟูจิที่มีเมฆมวลใหญ่มาบดบังและค่อยๆเลือนจากสายตา ตอนนั้นรถกำลังเคลื่อนพาตัวผมให้ลาจากเพื่อไปสู่การผจญภัยอีกครั้งที่กรุงโตเกียว
J-trip ตอนที่ 5 : ศาลเจ้าเมจิ เมืองใหม่โอไดบะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น