J-trip ตอนที่ 7 : Asakusa & Tokyo Sta.


     วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวในทริปนี้ การเดินทางช่วงแรกเริ่มต้นจาก  Tobu Nikko มาแวะสถานี Tokyo skytree และท้ายที่สุดคือ Tobu Asakusa station 

     เมื่อถึงสถานีในตอนแรกนึกว่าเพียงโชว์พาสแล้วเดินออกก็ได้เลย แต่เพราะเป็นสถานีสุดท้ายและเหมือนครบรอบ เจ้าหน้าที่ก็ยึดตั๋วไป เลยไม่ได้เก็บไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ยระลึก

     บรรยากาศในช่วงบ่ายคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาจากทั่วสารทิศ ทั้งชาวญี่ปุ่น ชาวเอเชีย ชาวยุโรป ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศในช่วงเช้าของเมื่อวานตอนที่ต้องเดินผ่านย่านนี้เพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟไปนิกโก้


"...ที่ผมมาพักย่านอาซะกุสะ เพราะตอนเช้าจะได้ซื้อตั๋วไปนิกโก้ได้ง่าย เป็นเพราะนั่นเองที่ทำให้ผมเห็นความเป็นเอกลักษณ์ของประตูม้วน หน้าร้านขายของของแต่ละร้าน เชื่อเลยว่าถ้ามากลางวันคงอดเห็นแน่ๆ..."


     ลายอนิเมะบนประตูม้วนเหล็ก ถือเป็นสิ่งที่แต่งแต้มสีสรรให้ชีวิตของคนต่างถิ่นอย่างผมในช่วงเช้า ใครว่าธรรมดา แต่ผมว่าไม่ธรรมดา ก่อนมานึกว่าเป็นย่านโบราณๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้


นั่นแหละ...เพราะศิลปะมีชีวิต


     นึกถึงเรื่องการเดินทางเมื่อวานมาจนถึงถนน... ถนนสายนี้เต็มไปด้วยของกินของฝาก คาวาอี้มากครับ เครื่องราง ของขลังอะไรก็มี แต่ไม่ได้ซื้อไว้ และเมื่อถึงวัด Sensoji สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ...


     การถ่ายรูปกับโคมแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดนี้ ใครมาที่นี่ก็ต้องถ่ายไว้เป็นที่ระลึก เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง สำหรับโคมแดงมีอยู่ 2 อันครับ ตรงที่ผมยืน 1 อันและด้านหลังอีก 1 ออัน

อันนี้คืออันด้านใน อาจจะเห็นคนกวักควันธูปก่อนที่มาถึงจุดนี้ครับ เป็นเคล็ด


    ด้านใน ทีแรกจะเข้าไปดูด้านในแต่เจ้าหน้าที่ให้เฉพาะชาวพุทธ ที่เป็นสมาชิกเข้าได้เท่านั้นผมเลยอด ไหว้ข้างนอกก็ได้ ศรัทธาได้เท่าเทียมกัน


    ออกมาจากศาลานี้ผมก็ดินดูรอบๆ อากาศครึ้มแบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ร้อน ไม่มีฝน เดินสบายๆ แต่ถ่ายภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ตั้งเป็นออโต้ขึ้นโหมดย้อนแสงตลอด
อาคารด้านหลังก็มีรูปคารพพระอยู่ / เจดีย์กระเบื้อง กับ โตเกียวสกายทรี ความสวยที่แตกต่างระหว่างของโบราณกับความทันสมัย


ถ้าเดินไปทางที่คนกรี๊ดกันเยอะๆ จะเจอตรอกนี้ ไม่ได้แวะเข้าไปเพราะเหมือนเค้าซ่อมอะไรอยู่


เจอสิ่งนี้อีกแล้ว


สวนและเจดีย์กระเบื้อง


     ปลาคราฟตัวโตมาก สีสวยมาก ในบ่อห้ามให้อาหารปลาและโยนสิ่งของลงไปในน้ำ แต่เหรียญตรึม / ก้อนหินนี้อ่านไม่ออก


ปอ ปลาสีสวยงาม


ข้างหน้าก็โพส ข้างหลังก็กวักควันธูปเข้าหาตัวกันใหญ่

     ก่อนกลับก็เดินชมรอบๆ มองไกลๆเห็นอาคารสูงๆนั่นด้วย เมื่อกี้ตอนแวะไปยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย ...

Tokyo skytree

     หลังจากเดินทางผ่านไปผ่านมาหลายรอบ สุดท้ายก็ได้มาแวะที่ Tokyo skytree สักที การเดินทางมาที่นี่ ผมใช้ 2 day pass จาก Tobu Nikko -> Asakusa มาแวะที่สถานีโตเกียวสกายทรี คือใช้พาสให้คุ้มอ่ะครับ พาสนี้แวะที่นี่ได้ก่อนกลับไปถึงอาซากุสะ แต่ถ้าลงสถานีอาซะกุสะแล้วจะมาที่นี่ต้องซื้อตั๋ว เพราะเค้ายึดตั๋ว ตอนเราลง


     เมื่อมาถึงสถานีโตเกียวสกายทรี ก็งกๆเงิ่นหาทางออกอยู่พักนึง จริงๆก็ไม่ไกลกันหรอกครับ แต่ไม่ค่อยรู้ทางเดินวนไปวนมา เดินดูรอบๆก็เป็นพื้นที่โล่งๆ เพราะตอนนี้มาอยู่ใกล้ละมั้งหามุมถ่ายรูปกับโตเกียวสกายทรีไม่ได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถแวะไปซื้อของซึ่งอยู่ชั้น 4 ได้ ภายในอาคารชั้น 4 มีร้านขายของฝาก ของที่ระลึก สินค้าที่เป็นตัวการ์ตูนชื่อดังเยอะแแยะเลยครับ ถ้าใครอยากได้อะไรเกี่ยวกับตัวการ์ตูนแนะนำว่าให้มาซื้อที่นี่ ร้านขายของเยอะมาก มีแบบให้เลือกเยอะจริงๆ มาที่นี่ได้เดินกลับเข้าไปสู่วัยเด็กอีกคร้้ง อะไรอะไรก็น่ารัก อยากได้ไปหมดแต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ เพราะราคาก็น่ารักตามของ555





     ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ร้านอาหารในนี้ก็มีอยู่เยอะมากเหมือนกัน แต่เพราะชอบเทมปุระ ชอบทงคัตสึเลยหาร้านอาหารที่มีแบบที่อยากทาน จนมาเจอร้านนึงขายอาหารแบบที่คิดไว้เป๊ะ ราคาก็มื้อนี้ 15**  เยน




     อ่านเมนูไม่ออก เลยชี้ไปที่เมนูที่อยากทาน ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ นอกจากข้าวกับอาหารที่สั่งมาทานแล้ว ยังมีเมล็ดอะไรสักอย่างสีดำๆกับที่บด ชำเลืองมองดูคนญี่ปุ่นแล้วก็ลองมาทำเองแล้วเอามาโรยกับข้าวก็อร่อยดีแฮะ ผักซอยราดน้ำจิ้มรสชาติๆแปลกแต่ติดใจอ่ะ ถ้ามีโอกาสคงได้แวะมาทานอีก


     เดินไปรอบๆจนมาเจอเจ้าตัวนี้ พิจารณาอยู่นานว่าเป็นคนหรือหุ่นยนต์ แต่ดูจากสัดส่วนคงไม่ใช่คนหรอก เห็นเต้นๆอยู่มีเด็กไปขอถ่ายรูป เลยขอกับเค้าสักแชะ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายร่ำลากันไป
เดินไปจนทั่วก็ได้เวลากลับไปยังสถานีรถไฟเพื่อต่อไปยังสถานีอาซุกุสะ ตอนออกก็นึกว่าจะง่ายๆ สรุปป้ายบอกทางออก ผ่านห้างทั้งชั้น ถ้าไม่รีบคงจะได้เสียตังค์เป็นแน่ เดินกลับมาที่สถานีรถไฟต่อไปยังอาซะกุสะ จำได้ว่าต้องผ่านแม่น้ำสุมิดะ มาจริงๆนี่ไม่รู้เลยว่าสายไหน แต่คิดว่าเป็นแม่น้ำสายนี้  ถึงแล้วผมก็เดินเที่ยวย่านอาซากุสะวัดเซนโซจิสักพักใหญ่ ก่อนต่อรถไปยังสถานีโตเกียว


     พอประตูรถไฟถึงสถานีโตเกียวเปิดปุ๊บ ผมต้องร้องเลยว่า อือหือ เพราะไปไม่ถูก งง ทางเยอะมาก ยิ่งเดินก็ยิ่งงง คนก็เยอะสายรถไฟต่อไปนั่นนี่ก็มากมาย เดินจนไปถามทางแล้วก็มีคนมาบอกชี้ทางให้ ว่าทางไหนไป อิมพีเรียลพาเลท เดินออกมาจากสถานีมีแต่ตึก ถามใครเค้าก็บอกให้ข้ามถนนแล้วตรงไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เจอ เดินมาได้ประมาณสิบยี่สิบนาทีแล้วก็มาเป็นอาคารทรงญี่ปุ่น มีน้ำล้อมรอบ มีกำแพงหิน นี่แหละพระราชวังแต่ตอนไปถึงมืดมากเลยถ่ายอะไรก็ไม่ค่อยสวย มาถึงแล้วสิ่งนึงที่ขาดไม่ได้เลยคือต้องไปดูความสวยงามของสะพานนิจูบาชิ คือมืดเร็วมาก คงถ่ายภาพได้ชัดสุดแค่นี้ไว้มีโอกาสคงได้แวะมาใหม่ในตอนกลางวัน


สะพานนิจูบาชิ มาไม่ทัน มืด เดินเล่นที่สถานีโตเกียว B1F toy shop เดินหลงไปเจอร้านขาย Kitkat ซื้ออัลลิมิเตดมาทาน



 สถานีโตเกียวยามค่ำคืน

   เห็นอยู่แปบๆตอนนี้มืดแล้ว ไม่รู้จะไปไหนดีเลยเดินดูรอบสถานีโตเกียว เพราะสถานีใหม่มือใหม่อย่างผมก็หลงอีกรอบ มาที่นี่เพราะจะไปดู Toy Shop อยู่ชั้น B1F เข้าไปดูของน้อยนิด ทีแรกคิดว่าจะมีเยอะ รู้งี้น่าจะซื้อมาจาก Tokyo skytree ก็ดี เดินวนไปมาจนมาอยู่หน้าร้านของ Kitkat เห็นมีSpecial หลายรสเลยซื้อรสCream Cheese รสนี้จะมีกลิ่นของหอมมาหน่อยๆ รส Orange cocktail จะได้กลิ่นส้ม กินไปก็แอบเมาหัว เดินเพลินจนมาถึงห้างไดมารู ชั้นล่างมีแต่ขนมน่ารักๆ น่ากินๆทั้งนั้น ดูเพลินจนลืมเวลา แถมที่นี่มี Wifi ฟรีให้ใช้ด้วย ถ้าซื้อของยอดขั้นต่ำถึงเกณฑ์ สามารถคืนภาษีได้ ดีมากๆ


     วันนี้เดินทางเที่ยวทั้งวันจนเหนื่อย สุดท้ายก็กลับมายังที่พักย่านอาซะกุสะ ก่อนกลับในวันพรุ่งนี้ก็แวะไปแช่น้ำแร่เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยกันในย่านนี้ เช้าก็เตรียมตัวกลับไทย

     ขากลับนั่ง Taxi ราคา 710 เยน เพื่อไปขึ้น Sky train กลับไปยังนาริตะ ราคาประมาณ 1350 เยน ก่อนเข้าสนามบินก็จะมีตรวจกระเป๋า แล้วก็ไปเช็คอิน หลังจากเช็คอินก็ผ่านด่านตรวจต่างๆ ภายในก็มีร้านอาหารให้ซื้อ ราคาในสนามบินผมว่าพอๆกับในห้างเลย ไม่ถูกมากและไม่แพงมาก สำหรับคนที่อยากซื้อของฝาก ก็ต้องแวะไปที่ร้าน FA-SO-LA TAX  มีของฝากที่คนไทยฮิตนิยมซื้อกันมากเลย ทั้ง Kitkat  Tokyo banana Royce เค้กคัทสึเทร่า และที่ผมชอบมากๆเลยคือมันฝรั่งทอดจากฮอกไกโด อร่อยจริงๆ เสียเงินที่นี่ไปหลายหมื่นเยน ถ้าเงินสดหมดใช้บัตรรูดได้ครับ ร้านนี้ส่วนใหญ่เจอคนไทยด้วยกันเยอะมาก ของวางปุ๊บหมดปั๊บยังกับแจกฟรี ดีที่เจ้าหน้าที่มีของมาเติมตลอด ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่ได้ของอย่างที่ต้องการ


     และแล้วก็ได้เวลาที่ต้องจากกัน ประเทศญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเที่ยวอีกเมื่อไหร่ มาเที่ยวที่นี่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นหลายอย่างและหลากหลายมุมมอง สุมิมาเซ็นใช้จนติดปาก โกเมนนาไซใช้ตอนทำพลาด อะริกาโตะพูดบ่อยจนคล่อง วะตะชิวะคือตัวฉันเอง จะเก็บทุกประสบการณ์ของการเดินทางในครั้งนี้ไว้ในความทรงจำ สิ่งๆดีๆ สิ่งที่สวยงาม ที่ได้รับชมมาช่างประทับใจเหลือเกิน ซาโยนาระไม่ใช่คำพูดที่เราจะใช้เพื่อลาจากกัน แต่คำร่ำลาสุดท้ายที่จะพูดในครั้งนี้คือ...มาตะเนะ

จบ J-Trip

อ่านเรื่องราวอื่นๆได้

    

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ