Maya Himalayan ตอนที่ 2 กาฐมาณฑุ Kathmandu

เมื่อความรักก่อเกิดเป็นนคร นครแห่งความรัก กานติปุระ "กาฐมาณฑุ"

27 เม.ย. 58

     หลังจากเก็บของเสร็จจากกระโจมผ้าใบก็ร่ำลาเพื่อนว่าจะเดินทางต่อ ตัวเลือกตอนนั้นมีสองที่คือเมืองโภครากับไปสวนลุมพินี ต้องเลือกสักที่เพราะท่ารถไปโพคราอยู่ที่นึง ท่ารถไปลุมพินีอยู่อีกที่นึง เมื่อคืนแอบฟังฝรั่งคุยกันบอกว่าโภครายังไม่ปลอดภัย เลยตัดสินใจไปลุมพินีเพราะว่าน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะมีวัดไทยอยู่ที่นั่น

     เดินออกมาจาก Pray park ไปตามทาง โบกรถสามล้อถีบต่อรองราคาแล้วก็ไปที่ขนส่งใหม่ ระหว่างทางก็เห็นอาคารบ้านเรือนพังไปหลายแห่งเลย จนถึงขนส่งคือกลับมาเจอความวุ่นวายอีกครั้ง ทางเข้าหลักรถเข้าไม่ได้ คนขับรถถีบเลยเดินหิ้วของมาส่งจนถึงสถานี พอถึงสถานีก็เจอรถไปลุมพินีสองสามจุด แต่ แต่ แต่ ไม่เปิดเลยสักเคาท์เตอร์ ตอนนั้นคิดว่ารอสักพักคงจะเปิดแหละ เลยจ่ายเงินแล้วให้คนขับรถกลับ รอสักพัก พักแล้วพักอีก ก็ยังไม่มีเคาท์เตอร์ไหนเปิด เคว้งมากไม่รู้จะไปไหนต่อดี ดึงสติกลับมาเลยตัดสินใจเที่ยวกาฐมาณฑุ หาไปทาเมล

     หาโรงแรมแล้วก็เดินออกเที่ยว บรรยากาศทาเมลวันนี้ยังเงียบเหงา ร้านค้าต่างๆก็ยังปิด หิวก็หิวไปเจอร้านขายอาหารเนปาล แต่เครื่องเทศแรงมาก กินไม่ได้เลย เดินไปเรื่อยๆตามทาง พบบ้านถล่มบ้าง พังบ้าง เจอไฟไหม้บ้าง ประมาณ 20 นาที จากทาเมลจนตอนนี้เดินมาถึง...

จัตุรัสกาฐมาณฑุ ดูรบาร์(Kathmandu Durbar Square)

     ภาพที่เห็นตอนนั้นคือกองอิฐที่พังลงมาจนไม่เหลือเค้าเดิม อาคารที่สวยงามของนครแห่งความรักบัดนี้ไม่เหลือแลัว วางแผนเพื่อจะมาที่นี่ตั้งแต่ปลายปี 57 ก่อนจะมาหนึ่งวันเกิดแผ่นดินไหว พอเห็นของจริงได้แต่อึ้งในความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนเดินดูรอบๆจะเห็นได้เลยว่าไม่ค่อยมีใครกลัวที่จะขึ้นไปบนเนินที่อาคารต่างๆพังลงมา บางคนก็ขึ้นไปถ่ายรูป ถ่ายคลิปจากมุมสูง บางคนก็ไปนั่งข้างบนที่พัง นักข่าวหลายสำนักรายงานข่าวตรงพื้นที่แถวนั้น รถแบ็คโฮก็ขุดซาก กู้ภัยก็ทำการค้นหา ประชาชนก็เดินดูเหตุการณ์ไปๆมาๆ ส่วนเรายืนดูอยู่ห่างๆพิจารณา บางอาคารก็ยังมีสภาพดีอยู่แต่ก็อาจจะมีรอยร้าว เช่น วิหารศิวะ-ปราวตี ที่จำได้เพราะตุ๊กตาบนหน้าต่างมีรูปปั้นพระศิวะทรงเอื้อมมือไปจับพระถันของพระชายาอยู่
 
     แถวๆดูรบาร์ทั้งที่รู้ว่าอาคารต่างๆพังลงมาเกือบทั้งหมด ก่อนจะชื่อกาฐมาณฑุ เมืองนี้เคยชื่อว่ากานติปุระมาก่อน ผมเชื่ออย่างนึงว่าแม้อาคารสถานที่จะกลายเป็นเพียงซาก แต่ความรักของคนเนปาลจะช่วยกันฟื้นฟูสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้กลับมาเหมือนเดิมดังเช่นชื่อ "กานติปุระ" ที่แปลว่านครแห่งความรัก

     พอเดินรอบๆเสร็จเป้าหมายต่อไปคือสถูปสำคัญของเนปาล ระยะทางจากจุดนี้ไปยังสถูปประมาณ 4 กิโล เลยเดินไป ชมวิถีชีวิตชาวบ้านในวันนี้วันที่แตกต่างจากวันอื่น บ้านของชาวบ้านตามข้างทางส่วนใหญ่ก็ยังปิด อาคารที่พังส่วนใหญ่คือพังมาทั้งหลัง อิฐเป็นอิฐดินเป็นดิน ไม่รู้ว่าตอนสร้างเอามาเชื่อมต่อกันได้ยังไง เพราะอิฐที่พังลงมายังเป็นก้อนและคิดว่าสามารถนำไปสร้างบ้านได้อีก หลังคาที่เห็นคือเอาสังกะสีมาพาดแล้วเอาอิฐหรือก้อนหินวางทับ แต่ถ้าบ้านไหนเป็นคอนกรีต หลังที่พังส่วนใหญ่จะไม่ถล่มแต่ยังเป็นอาคารที่ทรุดตัว และมีบางส่วนพังลงมา แนวถนนและสวนต่างๆมีคนมานอนกันเยอะมาก ดูท่ามันคงปลอดภัยที่สุดเพราะเป็นพื้นที่โล่ง แต่อันตรายของการนอนข้างถนนนี่กลัวอย่างเดียวคือเสาไฟฟ้าไม่รู้จะล้มมาตอนไหน เดินไปจนถึงแม่น้ำบิษณุมาติ



     สะพานข้ามปิดจ้าเพราะกู้ภัยกำลังตรวจตราซ่อมแซม และอาคารอีกด้านก็พังเป็นอย่างมาก ต้องเดินอ้อมไปอีกสะพาน แต่เอาน่าอีกนิดเดียวก็ถึง

 

     ผ่านวัดนึง ส่วนของอาคารปกติดีแต่ยอดของอาคารในวัดพัง เดินผ่านไปจนถึงอีกฝากก่อนข้ามสะพาน ด้านนี้พังเยอะมาก พอข้ามสะพานไปทางฝั่งของสถูป ด้านนี้ก็พังเยอะเหมือนกัน จากพื้นราบขึ้นเขา เดินไปหอบไป จนถึงทางเข้า...

สถูปสวยัมภูนารถ (Swayambunath or Monkey temple)


     ดีใจแล้วที่มาถึงสถูปแล้ว เห็นยอดสถูปด้านบนนั้นกันไหมครับ รอบๆมีกงล้อมนตราเต็มไปหมดเลย วันนี้มีอีกชื่อว่าวัดลิงเพราะลิงเยอะมาก ลิงในวัดนี้ซนน่าดูวิ่งไปวิ่งมากินนั่นนี่ ขึ้นบันไดไปอีกนิดจะเจอเจดีย์แล้ว



     แต่ แต่ แต่ พอเราเดินไปใกล้ถึงในส่วนของตัวเจดีย์ ยามได้เอาธงมากั้นไว้และบอกว่าให้นักท่องเที่ยวก่อนหน้าเข้าไปได้เท่านั้นผมก็ยืนอธิษฐานขอพรไกลๆ

 
      ส่วนเราให้ขึ้นได้เพียงเท่านี้เพราะมีอะไรบางอย่างแตกหัก อือหืออออ สี่กิโล เสียดาย ทำไมต้องกั้นที่เราพอดี น่าจะมาที่นี่แต่แรก แต่ดูอยู่ไกลๆก็ได้ เดินดูกำแพงมนตรา โอม มณี ปัทเม หุม แล้วก็โบก สถูปที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล สถูปนี้ระยะทางไกลจากสถูปสวยัมภูนารถมาก โดนฟันค่า taxi แบบเจ็บจี๊ด ตามทางเห็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งซุ้มทางเข้าของสถานที่นี้เป็นสีขาวพังลงมาแบบน่ากลัว กำแพงอิฐถล่มบางจุด และแล้วก็ถึงสถูป

 สถูปโพธินารถ (Boudhanath -The little Tibet)

     สำหรับสถูปโพธินารถเรียกแบบนี้ taxi ไม่รู้ ต้องเรียกว่าโบดะนารถเค้าถึงจะอ๋อ เมื่อถึงทางเข้าจะเจอซุ้มประตูแบบนี้

 
     ผมเดินวนดูโดยรอบ อาคารส่วนใหญ่ปิดเกือบหมด มีร้านขายของที่ระลึกเปิดอยู่สามร้าน และวัดทิเบตที่ยังเปิดอยู่ เสียดายที่ร้านต่างๆปิดหมดนะเพราะถ้าขึ้นไปด้านบน บางร้านจะถ่ายรูปสถูปได้สวยมาก ถึงจะเป็นสถูปที่ใหญ่แต่ผมก็สามารถวนได้ถึงสามรอบ ตอนเดินเห็นฝรั่งคนนึงเดินกำลูกประคำพร้อมท่อง โอม มณี ปัทเมหุมไปด้วย เห็นแบบนี้แล้วปลื้มใจที่ต่างชาติศรัทธาในพระพุทธศาสนา วันนี้มีกลุ่มทัวร์คนไทยมาแสวงบุญกับพระด้วย จากการสำรวจโดยรอบยอดเจดีย์มีบางส่วนที่ชำรุด ชาวบ้านก็มาตั้งกระโจมผ้าใบอยู่แถวนี้บางส่วน นอกจากรอบสถูป ซอยข้างๆก็มีของที่ระลึกจุกจิกขาย อาจจะเห็นพระทิเบตขับ Ducati มาวัด ผมไม่ชินตาเสียเลย เห็น Yokee เชื้อเชิญทำบุญทำทาน ไอเราก็ยกกล้องถ่ายไปสองชอต แล้วให้ไป 50 รูปี

     กะว่าจะไปวัดปศุปตินารถต่อ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ท้องฟ้าสีแดง อากาศอบอ้าวเหมือนฝนจะตก เปลี่ยนใจกลับโรงแรม พอเหยียบพื้นห้องนั่นแหละ มาอีกรอบนึง มองพัดลมเพดาน มองโคมไฟรอบห้อง จะไม่อยู่ใกล้ตรงนั้นเด็ดขาด...


อ่านเรื่องราวอื่นๆได้





ภาพเหตุการณ์ที่กรุงกาฐมาณฑุ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558























ถึงบางส่วนจะเสียหายไป แต่ก็ยังมีอีกหลายอาคารที่ยังมีสภาพดีอยู่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ