Maya Himalayan ตอนที่ 5 กาฐมาณฑุอีกครั้ง


หอบความรักกลับมา ซับน้ำตาหิมาลายัน
    เดินทางมาจนถึงเมืองจันทรคีรี เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่และเห็นตึกทรุดไปหลายหลังเลย รถบัสคันนี้ขับไปอ้อมทางหลังสถูปสวยัมภูนารถ ด้านนี้ยังไม่เคยมาเพราะครั้งที่แล้วผ่านทางด้านหน้า

     ด้านหลังของสถูปอาคารพังเยอะมาก ตึกแต่ละหลังนี้ทรุดเลย มุมข้างหลังมองขึ้นไปยังสถูปที่อยู่บนเขา ก็พบว่ามีบางสิ่งบนนั้นเสียหาย หากจะไปทาเมล รถจะจอดระหว่างทางถามว่าไปทาเมลไหม ถ้าไปก็ลงตรงนี้แล้วต่อรถไป ราคาถูกกว่าไปสถานีรถบัสใหม่

    กลับมาครั้งนี้ทีแรกกะว่าจะไป นากาก็อตเพราะกาฐมาณฑุ บอบช้ำจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ที่เกิดขึ้นมาก แต่พอโดน Taxi เรียกค่ารถ ไป-กลับ 100US ตัดสินใจไปพักย่านทาเมลแทน เรียก Taxi ไปทาเมล รถวนออกมาด้านหน้า เนปาลมุงเต็มเลยครับ ตึกแถบนี้ก็พังแบบนี้กลัว เพิ่งเห็นว่าเมืองพังขนาดนี้เลยหรอ เพราะที่เดินทางผ่านๆมาไม่รู้เลยว่าจะพังมากขนาดนี้ จนถึงย่านทาเมล

    Taxi ถามว่าพักแถวไหน แต่คือตอนนั้นยังไม่มีโรงแรมที่จองไว้ รถจอดติดอยู่เห็นโรงแรม มีคนเดินเข้าออกก็เลยตัดสินใจพักที่นี่ เข้าไป ดูตึกแล้วแข็งแรงโอเค ถ้ามีคนเคยพักน่าจะมีความปลอดภัยระดับนึง เห็นห้องละ น้ำไหล ไฟฟ้าไม่ดับ ในราคา 20 US คืนนั้นเลยพักที่นี่ เก็บข้าวของเตรียมพร้อมแล้วตะลุยย่านทาเมล

    วันนี้ครบรอบอาทิตย์หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ร้านรวงต่างๆเริ่มกลับมาเปิด นักท่องเที่ยวคึกคัก ซื้อของต่อราคาสนุกสนานเชียว สร้อยหิน เครื่องรางของขลัง เครื่องทองเหลือง สินค้าผ้าทอมือ มีครบ

    มื้อเย็นกินข้าวผัดไข่กับแกงกะหรี่เห็ด ที่ร้านทิเบต อร่อยมาก ได้เยอะมากราคาไม่แพงด้วย นั่งทานข้าวไปก็ดูทีวีไป เจ้าของร้านก็ชี้ให้ดูคุณตาของเค้าในข่าว บ้านญาติเค้าพังเยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่ยังโชคดีที่คนในครอบครัวยังปลอดภัย

2 พ.ค. 58

    ตื่นแต่เช้าไปช็อปปิ้งที่ถนนไจตาเพื่อซื้อของที่ระลึก เพราะพี่บอกว่าของที่ถนนไจตาราคาถูกมาก พอเดินไปแล้วเจอสภาพแบบนี้
    เงียบเชียบเลย สงสัยเค้ายังไม่เปิดร้าน ลองเดินรอบๆก็เจอสภาพแบบนี้
 ถึงแม้จะเจอบ้านเรือนพังอาคารบางหลังก็ยังมีอาคารที่ดีอยู่
   


    เจอแบบนั้นไปเลยเดินกลับมาหาซื้อของที่ทาเมล แปดโมงร้านต่างๆก็เริ่มเอาของมาตั้งขายกันแล้ว เดินไปวันนี้นักข่าวมาถ่ายที่ย่านทาเมลเยอะเดินไปหลบกล้องไป กลัวเค้ามาสัมภาษณ์ละตอบไม่ได้ อายเค้าแย่ ถ้าถามว่ามาจากไหน 555

ร้านเครื่องทองเหลืองนี้สร้อยข้อมือสวยดี
เดินตรงเลยร้านทองเหลือง จะเจอร้านนี้ ร้านนี้ต่อราคาสร้อยลูกปัดเล็กๆได้มา 5 เส้น 400 Rs
ร้านข้างๆกัน ได้รุทธรักษมาเส้นนึง
ตามทางเดินไปเจอร้านหนังสือ โปสการ์ดสวยมาก
เดินออกมาตามสามแยก เดินไปเรื่อยๆได้เบเกอร์รี่มาอีก
ร้านข้างๆเบเกอร์รี่ ขายเครื่องทองเหลือง เมื่อคืนได้กงล้อมนตรามา 3 อัน
ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิด นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
สร้อยส่วนนึงที่ได้มาในทริปนี้

    ทริปนี้เงินเหลือเยอะเหมือนกัน แต่ก็พยายามซื้อของอะไรให้ได้มากที่สุด เพราะเงินจะได้ไปช่วยหมุนเวียนในระบบ เพื่อเศรษฐกิจในบ้านเค้า พอเราซื้อของร้านนึง ร้านก็เอาเงินไปซื้อต่อเป็นทอดๆ พ่อค้ารายย่อยๆที่ทำสินค้างานฝีมือส่งขายร้าน ก็จะได้มีรายได้ด้วย เราได้ของฝาก พ่อค้าแม่ค้าก็ดีใจ

    หลังจากเก็บของเสร็จก็ไปสนามบิน ขึ้นเครื่องบ่ายกว่าๆ ออกไปก่อนสัก 3 ชั่วโมง ระหว่างทางผ่านวัดปศุปตินารถอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยังไม่ได้แวะ ดูไกลๆไปก่อนนะ ดึงซูมสุดๆ ถึงสนามบินโชว์ตั๋วแล้วก็เข้าไปยังตัวอาคาร วันนี้ไม่วุ่นวายเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางส่วนเริ่มกลับ หมุนเวียนเปลี่ยนกัน


    หลังจาก Check in ก็ขึ้นไปชั้นบน เพื่อไปด่านตรวจความปลอดภัย ผมมัวแต่เดินไปเดินมา ดูนั่นนี่ตรงนี้ซะนาน ดูเวลาอีกที เฮ๊ย เค้าให้ตรวจตรงด่านนี้ก่อนขึ้นเครื่องประมาณชั่วโมงนี่หว่า ผมนี่รีบไปเดินต่อแถวเลย แบ่งเหมือนเดิมคือชาย หญิง และแถวผู้ชายคิวยาวมาก รอจนตรวจเสร็จ

     เดินชมอาคารผู้โดยสารบ้านเค้า สนามบินนี้มีทั้งหมดเพียง 5 Gate แต่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการเยอะมาก สำหรับร้านขายของที่ระลึก ราคาแพงกว่าด้านนอกเยอะ ถ้าอยากรู้ว่าต้องไป Gate ไหน ต้องรอดูในทีวี วันนี้ TG320 ได้Gate เบอร์ 5 อยู่ไกลสุดเลย เดินเข้าไปโชว์ตั๋ว เค้าจะฉีกส่วนนึงไว้ ผู้โดยสารก็รับมาส่วนนึง ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็ต้องแลกบัตรส่วนที่เราถือให้เค้า พอกลับเข้ามาก็รับคืน
    เที่ยงๆบ่ายๆเครื่องการบินไทยมาถึง ขนของลงเยอะ ส่วนนึงคงเป็นของที่บริจาคแก่ชาวเนปาล ทำให้เที่ยวนี้ดีเลย์ไป 5 นาที

มื้อนี้บนเครื่องอร่อยทุกอย่าง ชอบของหวานมาก เค้กอร่อยจริง ผมจัดการซะเกลี้ยง
 
ตบท้ายด้วยไวน์ขาวนิดหน่อย แก้วเดียวพอกรุ้มกริ่ม
     และแล้วก็มาถึงบ้านเกิดเมืองนอน ผู้โดยสารคนไทยที่เห็นในเที่ยวนี้มีนักข่าวช่องน้อยสี นักท่องเที่ยว 2 แล้วก็ผม มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็คิดอะไรแบบติสๆ

     ดวงตะวันขึ้นไปบนท้องฟ้า บางวันท้องฟ้าก็สดใส บางวันอาจจะมีเมฆมาก แต่สุดท้ายก็ต้องตกพ้นขอบฟ้า พอเริ่มวันใหม่ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ การท่องเที่ยวของเรา บางครั้งก็ราบลื่น บางครั้งก็มีอุปสรรค ฝ่าฟันจนจบทริป แล้วก็เริ่มทริปใหม่ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ตะวันก็กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว ผมต้องขอจบการเล่าเรื่องมายาหิมาลายันไว้เพียงเท่านี้ เรื่องเล่าในทริปนี้อาจจะแปลกไปหน่อยเพราะไม่ค่อยเน้นสถานที่ท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ แต่เน้นเล่าประสบการณ์ จากเหตุการณ์ที่ได้เจอ ไม่รู้ว่าจะชอบเรื่องเล่าแบบนี้กันรึเปล่านะ ไว้เจอกันทริปหน้าครับ...สวัสดี


    สรุป

    วันแรก เดินทาง  ถึงตอนเย็น นอนในกระโจมพักชั่วคราวที่ทาเมล วันที่ 2 เที่ยวรอบกาฐมาณฑุ 4000 Rs นอนโรงแรม 15 Us วันที่ 3 เดินทางไปโภคราด้วยเครื่องบิน 117 Us โรงแรม 2000 Rs นั่งเรือ 930 Rs วันที่ 4 เที่ยวรอบๆ โภครา ค่ารถ 5500 Rs โรงแรม 2000 Rs วันที่ 5 เดินทางไปลุมพินี 800 Rs ถึงลุมพินีตอนเย็น เดินชมสวน นอนวัดไทย วันที่ 6 ชมสวนลุมพินีตอนเช้า ค่าตั๋ว 200 Rs ขึ้นรถกลับกาฐมาณฑุ 1000 Rs นอนทาเมล 20 Us วันที่ 7 เดินทางกลับไทย ตอนเช้าซื้อของย่านทาเมล

    โดยรวมหากตัดเรื่องภัยพิบัติครั้งนี้ออกไป เนปาลเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ควรไปเยือนสักครั้ง ที่นี่มีวัฒนธรรมความเป็นมายาวนาน มีธรรมชาติที่งดงาม มีหลายกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ แม้วันนี้ข่าวที่ออกมาจะน่ากลัว แต่ก็เป็นเพียงพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติในครั้งนี้

    ประเทศเนปาลนั้นยังมีอีกหลายพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวได้อย่างปลอดภัย เช่น เมืองโภคราที่มีวิวแนวเทือกเขาหิมาลัยอันงดงามให้ชม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆยังเปิดเข้าชมได้ตามปกติ เพราะไม่ได้รับความเสียหาย หรือที่สวนลุมพินี พุทธสถานสังเวชนียวัตถุก็ยังอยู่อย่างสมบูรณ์ ไม่ได้เสียหายแตกหักใดๆ

     ถ้าเรากลัว การพัฒนาหรือการช่วยเหลือชาวเนปาลในการฟื้นฟูประเทศก็จะทำได้ช้า เพราะรายได้หลักของประเทศนี้มาจากการท่องเที่ยว ถ้านักท่องเที่ยวหายไปน่ากลัวกว่าภัยพิบัติซะอีก

     หากอยากช่วยเหลือนอกจากการบริจาคแล้ว การท่องเที่ยวก็เป็นการช่วยเหลืออีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง แต่ตอนนี้อาจจะรอใช้เวลาเพื่อเก็บกวาดพื้นที่ ซ่อมแซมดูแลเมืองให้มีสภาพที่ดีขึ้น แม้วันนี้อาจจะบอบช้ำ แต่ถ้านักท่องเที่ยวช่วยกันสร้างรายได้ให้เกิดขึ้น เมื่อมีรายได้ก็สามารถนำไปพัฒนาส่วนที่พังทลายลงมา เชื่อเลยว่าสักวันกาฐมาณฑุคงกลับมาเป็นนครแห่งความรัก ที่เกิดจากความรักอย่างแท้จริงดังเดิม ปะฏัน ก็จะกลับคืนสู่นครอันงดงามดังที่เคยเป็น และภักตะปูร์ก็จะกลับมาแสดงถึงความเป็นนครแห่งความจงรักภักดี วันใดที่จตุรัสสามเมืองนี้ วัดและสถูปทั้งสี่แห่ง กลับมาสมบูรณ์แบบดังเดิม ผมเชื่อเลยว่าวันนั้นมรดกโลกในหุบเขาหิมาลัยก็จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง


     หากกำลังเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ อย่าเพิ่งตัดเนปาลออกไป ให้เก็บ นี้ไว้ในดวงใจ พร้อมเมื่อไหร่อาจจะได้ป่ะกัน...สวัสดี

อ่านเรื่องราวอื่นๆได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ