Maya Himalayan ตอนที่ 4 ลุมพินี : Lumbini
"World heritage site lumbini.
The birthplace of lord
buddha "Siddhartha Gautama"
เคยเรียนในตำรา
เคยอ่านจากในหนังสือ แต่วันนี้ได้มาถึงที่แห่งนี้แล้ว
ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมายจนเกือบจะไม่ได้มา
สุดท้ายก็มาถึงแล้ว
วันอื่นแม้ดูเข้มแข็ง
แต่วันนี้กลับมีน้ำตา เพราะดีใจที่ได้มาถึงแล้ว
ที่ประสูติของพระพุทธองค์ 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน
Ashokan Pillar:เสาอโศก Maya devi
temple : วิหารมายาเทวี Sacred pond : สระโบกขรณี
เป็นอีกวันที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นรถไปสวนลุมพินี รถออก 8.30 น. แต่ไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง พอขึ้นรถไปหาที่นั่งไม่เจอ
ถามคนบนรถก็บอกคนบุ๊คตั๋วจองที่นั่งซ้ำ ฮะ!!! นี่รีบเดินลงไปหาเด็กรถเลย
ว่าตรวจที่นั่งให้หน่อย เด็กขึ้นมาแล้วบอกพระที่นั่งตรงนั้นให้ย้าย เพราะนั่งที่ผิด
ที่ผมเป็นที่ติดหน้าต่าง แต่คนที่นั่งเค้าขอเปลี่ยน ผมก็ยอมนะ
แต่ก็เสียดายเพราะอดถ่ายภาพวิวข้างนอก
สาวสวิสที่นั่งข้างๆก็ไปเที่ยวลุมพินีเหมือนกันกลับ
next friday ได้เวลาเลทนิดหน่อย พร้อมกันแล้วรถก็ออก
อาหารมื้อนั้นที่เลือกสั่งคือข้าวผัด อาหารพื้นๆอย่างเดียวที่กินได้หมด
แวะได้สักพักใหญ่ก็ไปต่อ
ระยะทางระหว่างโภคาราและลุมพินีไม่ไกลกันมาก
แต่ที่เดินทางช้าเพราะตลอดเส้นทางเป็นแต่ภูเขาทั้งสูง คดเคี้ยว
เห็นแต่หินผาและสายน้ำ แดดที่นี่แรงมาก สาวสวิสที่นั่งข้างๆนี่รับแดดเต็มๆ
เธอคงคิดในใจว่าไม่น่าเปลี่ยนที่นั่งเลย
ไต่เขาไปมาจนถึงกรุงเทวทหะ เกือบ 7 ชั่วโมงที่นั่งรถ ก็มาถึงชายแดนอินเดียเนปาล รถจอดปุ๊บคนอินเดียเนปาลลงไปหมด
บนรถเหลือแต่ฝรั่ง หัวดำมีสองคนคือผมกับหนุ่มเกาหลีที่นั่งข้างหลัง
แล้วรถก็แล้วต่อไปยังสวนลุมพินี
ปิ๊นปี๊น เสียงรถบีบแตรในเมืองวุ่นวาย รถค่อยๆแล่นจากเมือง สู่พื้นที่สีเขียวนอกเมือง
จากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ข้ามแม่น้ำ ประมาณชั่วโมงจากชายแดนก็มาถึงท่ารถบัส
ท่ารถบัสจะอยู่ด้านข้างสวนลุมพินี
คืนนั้นพักที่วัดไทยลุมพินี ถามเค้าว่าเดินไกลไหม taxi บอกไกล โขกราคาแพงมาก ผมต่อ 150 รูปี taxi ไม่ไปผมก็เดินลง ดุ่มๆ นี่รีบมาช่วยยกเลย
บอกไปก็ไป รถแล่นผ่านสักประตูที่มีเลข 8 กับ 4 เคลื่อนไปตามถนนสายของวัดพุทธนิกายเถรวาท และสิ้นสุดที่วัดไทย
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบอุโบสถสีขาวทางขวามือ
อาคารทรงไทย
สระบัว
ห้องนอนที่จะพักคืนนี้
การพักที่วัดอาจจองล่วงหน้าโดยส่งเมลไปที่วัดไทยลุมพินีก่อนสัก 2 วัน เพื่อที่วัดจะได้เตรียมห้องไว้ให้ ช่วงแสวงบุญอาจเต็ม
เมื่อถึงวัดหลวงพี่ก็ต้อนรับดูแลอย่างดี วัดจะแบ่งพื้นที่ต่างๆเป็นอู่
อาคารที่ผมนอนก็เรียกว่าอู่นอน ห้องพักดีมาก ห้องน้ำวัดสะอาดมาก คืนนี้ค่าห้องฟรี
มีอาหารไทยให้ทานด้วย แต่ผมก็ทำบุญตามกำลังศรัทธาครับ
อุโบสถกำลังบูรณะเพื่อเตรียมฝังลูกนิมิตรปีหน้า ถ้าแล้วเสร็จคงงดงามมาก
เดินทางมาเหนื่อยๆ ล้างหน้าล้างตาให้ผ่องใส
พอได้เวลาก็ออกไปทัวร์สวนลุมพินีกับหลวงพี่
ออกมาจากวัดไทยจะเจอต้นสาละ ตามถนนวัดพุทธนิกายเถรวาทจะพบวัดอินเดีย กัมพูชา เมียนมาร์
จากวัดไทยเดินไปสวนลุมพินีใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีก็ถึง อาจจะเดินลัดเลาะตามคลองเชื่อมความสัมพันธไมตรีไปจนถึงตะเกียงสัมพันธไมตรีตลอดกาล
เดินตามทางเข้าไป หลวงพี่บอกทางเข้าไปยังสังเวชณียสถานนี้
ส่วนใหญ่มาจากแรงศรัทธาจากชาวพุทธไทยที่ร่วมด้วยช่วยกันบริจาคแก่พุทธสถานแห่งนี้
เจ้าชายน้อยก็หล่อที่ท้องสนามหลวงแล้วนำมาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้
ตามทางมีต้นไม้กำลังออกดอกสวยงาม ที่นี่หน้าหนาวก็หนาวมาก
หน้าร้อนก็ร้อนมากพุ่งไปถึง 40-50 องศากันเลยทีเดียว
ช่วงที่ไปนี้กำลังพอดีไม่ร้อนไม่หนาวมาก คนอาจไม่ค่อยเยอะเพราะหมดช่วงแสวงบุญ
เดินไปจะเจอเคาท์เตอร์ขายตั๋วด้านขวามือ อย่าลืมซื้อกันด้วยครับเป็นค่าบำรุง
ถึงทางเข้าถอดรองเท้า แล้วก็เข้าไปข้างใน
ตอนนั้นดีใจมากที่ได้มาถึงแล้ว
ถึงจะมีอุปสรรคมากมายก็ยังมาถึงพุทธสถานแห่งนี้ ปลื้มจนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เมื่อมองเข้าไปจะเห็นวิหารมายาเทวีสีขาว เสาอโศก และสถูปโบราณต่างๆ
ชมสวนรอบๆและเดินเข้าไปวิหารมายาเทวี ภายในห้ามถ่ายรูป
ข้างในก็เป็นเหมือนวิหารเก่าแก่ที่กำลังบูรณะ
สิ่งสำคัญภายในวิหารนี้คือภาพหินสลักตอนพระนางศิริมหามายาประสูติเจ้าชาย
และหินรูปรอยพระบาท
หลวงพี่พกทองคำเปลวมาแล้วมอบให้ผมติดกับผนังศิลาพร้อมสอนอธิษฐาน
เดินมาด้านข้างวิหาร จะเจอเสาหินที่พระเจ้าอโศกมหาราช
จารึกเป็นอักษรภาษาพราหมณีว่าบริเวณนี้คือที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
ถัดจากบริเวณนี้จะเป็นสวนและจะพบต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมาจากอินเดีย
ตอนนี้กำลังเติบโตงอกงามเลย
สถูปรายรอบตามแต่ช่วงเวลา
มาได้ไม่ทันไรท้องฟ้ามืด ก็เดินกลับไปยังวัดไทย
มื้อเย็นวันนี้มีไข่เจียว แกงเผ็ด ต้นจับฉ่าย
มื้อนี้คงเป็นมื้อแรกที่อิ่มที่สุดในเนปาล เพราะอาหารอร่อย ถูกปากมาก
อิ่มเสร็จก็ได้เวลาเข้านอน ไฟที่เนปาลติดๆดับๆ ด้วยความห่วงใย คุณน้าแม่ครัวเลยให้ยืมไฟฉายมาส่องเผื่อฉุกเฉินแล้วก็เข้านอน
ผมขอขอบคุณวัดไทยลุมพินีและคุณน้าแม่ครัวสำหรับความอนุเคราะห์หลายๆสิ่งในครั้งนี้
อิ่มท้อง อิ่มใจ หลับสนิทไร้กังวลเลยครับ
1 พ.ค.58
ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จตีห้า
ก็ได้ออกไปชมพุทธสถานอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเช้าก็มีชาวบ้านมากันแล้ว มีพระ
แม่ชีวัดอื่นมาสวดมนต์กันด้วย ช่วงเวลานั้นช่างมีความสุขจริงๆ
อิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงเวลาจะน้อยแต่ความประทับใจตรึม
พอได้เวลาสมควรก็กลับวัด
เช้านี้มีขนมจีน สุดแสนอร่อยอีกแล้วครับท่าน
ทริปนี้เตรียมของเป็นพวกดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด
ขนมมาบริจาคแก่เด็กตามทางด้วย แต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวซะก่อน
ของที่เตรียมมาร้อยกว่าชุดเลยถวายให้พระวัดไทยนำไปจ่ายแจกแก่เด็กที่มาเรียนหนังสือที่เมืองกบิลพัศดุ์ต่อไป
แล้วก็ได้เวลากลับไป KTM ตามจริงถ้าขึ้นเครื่องกลับอาจจะได้กลับพร้อมหลวงพี่
เพราะวันนี้พระในวัดก็จะนำสิ่งของไปบริจาคผู้ประสบภัยที่เมืองปะฏัน
รถจากลุมพินีไป KTM ตรงเวลามาก 7.15 น. ออกทันที ประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงเมืองสิทธัตธะนาคา เมืองชายแดนเนปาล-อินเดีย
เพื่อรับผู้โดยสาร รถคันนี้ดีจังมี WIFI มีปลั๊กไฟให้ด้วย
ราคา 1000Rs เอง คิดเล่นๆนะ คันเมื่อวาน 800Rs เดินทางรวมประมาณ ชั่วโมง คันนี้คง 10 ชั่วโมงละมั้ง คุ้มเลย
เดินทางลัดเลาะตามป่า เขา แม่น้ำ เหว บ้านคนก็ยังปกติดี ประมาณเที่ยงถึงบารัตปูร์ เมืองใหญ่นะ ผู้คนเยอะมาก คงเป็นเมืองที่มึเศรษฐกิจดีอีกเมืองนึง กลางวันนี้กินบุฟเฟต์อาหารเนปาล Veg. 230Rs มีเนื้อสัตว์260 Rs พออิ่มหนำก็เดินทางต่อ อีก 5hr ก็คงถึง KTM ระหว่างทางก็จอดแวะห้องน้ำเรื่อยๆ
เดินทางลัดเลาะตามป่า เขา แม่น้ำ เหว บ้านคนก็ยังปกติดี ประมาณเที่ยงถึงบารัตปูร์ เมืองใหญ่นะ ผู้คนเยอะมาก คงเป็นเมืองที่มึเศรษฐกิจดีอีกเมืองนึง กลางวันนี้กินบุฟเฟต์อาหารเนปาล Veg. 230Rs มีเนื้อสัตว์260 Rs พออิ่มหนำก็เดินทางต่อ อีก 5hr ก็คงถึง KTM ระหว่างทางก็จอดแวะห้องน้ำเรื่อยๆ
ยิ่งใกล้ KTM ก็เริ่มเห็นบ้านผู้คนตามทางที่พังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว
บางหลังถล่มจนเหลือแต่ซาก บางหลังพังบางส่วน กระโจมผ้าใบก็เห็นอยู่ตามรายทาง...
อ่านเรื่องราวอื่นๆได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น