จากป่่า...มาเกาะนามิ

"โอ้โห คนเยอะมากเลย"
          ผมกล่าวเสียงดังด้วยความตกใจ  เพราะเห็นผู้คนจำนวนมากทะยอยไปต่อแถวเพื่อลงเรือไป"เกาะนามิ"  พี่ไกด์บอกว่าที่เห็นคนเยอะไม่ต้องตกใจเพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อนทำให้นักเรียนมาทัศนศึกษากันเยอะ  เมื่อรถจอดผมก็ค่อยๆลงไปกับกลุ่มคณะ  เดินไปพร้อมกันอย่างนี้จะได้ไม่หลง  ระหว่างที่ต้องรอขึ้นเรือข้ามฟากผมก็มองดูรอบๆ  ว่ามีอะไรแปลกตาจากบ้านเราไหม  สรุปก็คือก็คล้ายๆกันแหละสถานที่ท่องเที่ยวย่อมมีของขายเป็นธรรมดา  

"เรือมาแล้ว"
          ผมพูดกับแม่  แต่เรือลำนี้ดันไม่ใช่ลำที่เราจะไป  เพราะคนก่อนหน้ามาเยอะมากก็ต้องให้คนที่มาก่อนไปก่อน  ส่วนเราก็รอต่อแถวต่อไป  แต่ขนาดคนไปเยอะแล้วก็ยังมีคนรอข้างหน้าผมอีกมาก  พอเรือลำต่อมาจึงได้ขึ้น  ผมเล็งมาตั้งแต่ลงจากรถแล้วว่าต้องอยู่ตรงหัวเรือหรือข้างหน้าให้ได้จะได้ชมวิวสวยๆ      
แต่พอมาจริงๆกลับไม่ทันคนอื่น  เพราะความที่ไม่อยากยืนเบียดเสียดกับใครเลยมาอยู่ที่หลังเรือ  มองดูวิวข้างหลังตอนที่เรือค่อยๆแล่นออกจากฝั่งดีกว่า
          ข้างในก็มีคล้ายๆโถง  ผมต้องยืนติดพนังไว้จะได้ไม่โคลงเคลงตามเรือ  และในที่แห่งนี้เราก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่กันอีกหลายคนเลย  ประโยคสนทนาก็เริ่มจากเป็นคนที่ไหน  มากับใคร อะไรยังไง  สุดท้ายก็จบที่เรียนที่ไหน  ผมก็ตอบไป  แล้วเรือก็แล่นไปถึงฝั่ง
          พี่ไกด์เรียกรวมพลกรุ๊ปทัวร์เรา  บอกถึงเวลาในการเดินที่นี่และจุดนัดหมาย  แต่ก่อนที่จะไปดูอะไรฟังบรรยายประวัติกันก่อนเถอะ

"เกาะนามิเป็นสถานที่ใช้ในการถ่ายทำซีรีย์เรื่อง......."
          พี่ไกด์ก็อธิบายเกี่ยวกับเกาะนามิไป  ผมรีวิวมาบ้างเลยรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ตรงไหนที่สำคัญที่เค้าถ่ายรูปกัน แฮะๆ เพื่อนก็รู้กับผมเหมือนกันใช่ไหมครับ ว่าตรงไหน???
          ผมก็จำไม่ได้ว่าอะไรเริ่มจากตรงไหนแต่ก็ถ่ายภาพมาเรื่อย  ทั้งสุสานนายพล  (หน้าโทรมชะมัด)

 แผนที่เกาะ  ดูไปงั้นแหละครับอ่านไม่ออกหรอก

 แนวต้นไม้สวยงาม เสียดายภาพนี้ไม่ได้อยู่เซนเตอร์
ภาพเลยไม่สวยเท่าที่ควร

ต่อด้วยกองหิน  ไม่รู้ว่ามีทำไมแต่เห็นแปลกดีเลยถ่ายรูปมาด้วย

          แม้เกาะจะไม่ใหญ่มาก  แต่จะให้เดินรอบๆก็เมื่อยเหมือนกันครับ  ถังขยะที่นี่ทรงสวยไม่เต็มจนล้นและแยกด้วยว่าให้ทิ้งอะไร  ถ้าไม่หานี่ไม่เจอจริงๆ  เพราะนึกว่ากล่องไม้อะไรซักอย่างที่วางไว้แฝงๆกับต้นไม้
          หลังจากพักเสร็จก็เดินไปจนถึงแลนด์มาร์คของเกาะ  ซึ่งเป็นที่ที่ใครมาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปด้วยแน่นอน นั่นก็คือ ก็คือ  ก็คือ....

          รูปปั้นของคู่พระนางจากเพลงรักในสายลมหนาว  ช่วงที่เดินไปยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่เลยได้ถ่ายมาด้วย  แต่หลังจากนั้น  คนเยอะมากจะแอคท่าแปลกๆก็ไม่กล้า  ถ่ายเสร็จก็สมใจอยาก  จึงได้เวลากลับเมืองไทยแล้ว  ผมก็เลยเดินกลับมาตามทางที่มานั่นแหละ  มองต้นไม้  สายลม  แสงแดด  เพื่อจะอำลา  แต่มาสะดุดตาอะไรบางอยาก เอ๊ะอะไรนั่น  ผมมองก่อนที่จะควักเงินมาจ่าย (ที่ต้องควักเพราะผมไม่มีกระเป๋าสตางค์เลยต้องล้วงหาตามกระเป๋ากางเกง)  รสชาติก็เหนียวๆนุ่มๆจุ่มน้ำฝึ้งก็อร่อยดี


          ต๊อก  ชื่อเรียกของแท่งนี้  อยากกินอะไรต้องกิน  อยากลองอะไรต้องลองเพราะทุกที่ใช่ว่าจะมีเหมือนกัน  รสชาติก็...ต้องไปลองทานเองถึงจะรู้^^  ส่วนผมก็อิ่มกันเลยทีเดียว

        สุดท้ายเมื่อมีพบก็ต้องมีจาก  ผมเขียนชื่อไว้ที่แผ่นไม้แล้วแขวนไว้บริเวณที่ให้แขวน  แล้วก็เดินขึ้นเรือกลับมายังฝั่ง  แต่ยังนะครับยังไม่กลับไทย  ที่เขียนไปด้านบน  อำเล่น  เหนื่อยโทรมมาทั้งวันมื้อเย็นวันแรกที่จะขอนำเสนอก็คือ...
 ชาบู ชาบู 
         สุกี้หม้อไฟนั่นเอง ใส่ผักเยอะมาก ชอบมากๆด้วย แต่จะให้อร่อยที่สุดต้องนำน้ำจิ้มไทยไปด้วย  ไม่งั้นจะจืดมาก  ขอขอบคุณพี่ไกด์ที่เตรียมไปให้ด้วยครับ  พอทานเสร็จผมก็เดินออกมาดูของฝากเล็กๆน้อยๆไปฝากเพื่อนๆที่น่ารักที่เมืองไทย  หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนแต่นอนไม่หลับ  ผมมองข้างทางดูนั่นดูนี่และแล้วก็ใกล้ถึงโรงแรม  แต่ยังไม่ถึงเพราะแวะที่ซูเปอร์มาเก็ตเพื่อให้สมาชิกในคณะทัวร์ซื้อของ  แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ไกด์แนะนำคือนมกล้วย  ตอนนั้นที่ไทยยังไม่มีขาย  ลองชิมไปเข้าท่าดีแฮะ  แล้วก็เข้าพัก

          โรงแรมต่างจังหวัดทีแรกผมก็นึกว่าไม่เท่าไหร่  แต่พอเข้าไปในห้องโอ้โห มีทั้งคอมที่ให้ผมใช้สำหรับแชร์ภาพสวยๆให้เพื่อนดู  มีเตียงที่นุ่มให้นอน  ในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้แช่  และสุดท้ายก็คือชักโครกสามารถกดบังคับการฉีดน้ำให้ด้วย เล็งเกือบไม่ตรงจุด55 ก่อนจะลากันวันนี้ขอฝากด้วยคลิปที่เคยตัดไว้เมื่อนานมาแล้ว อาจจะเบลอ เบื่อน่าง่วงนอนก็ฝากแนะนำติชมด้วยครับ

          


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ