จากป่า...มาKorea

"ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ"
          เสียงหัวใจข้างในที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ  ที่เห็นนกยักษ์ลำใหญ่อยู่เบื้องหน้า  ความฝันที่จะได้ขึ้นเครื่องบินกำลังจะเป็นจริงในไม่ช้า  รอแค่เสียงประกาศก็พร้อมที่จะไปอยู่ในแถวหน้าทันที 

          หลังจากขึ้นเครื่อง  ความตื่นเต้นจากการที่ได้ยลโฉมสุวรรณภูมิก็ลดลง  แต่เปลี่ยนอาการตื่นเต้นที่ได้เหยียบเครื่องบินเป็นครั้งแรกเข้ามาแทน  ทั้งกัปตัน แอร์ สจ๊วต ที่กล่าวต้อนรับแต่ละคนเนี๊ยบและเท่ห์มาก  ผมมองสำรวจรอบๆแล้วจึงเอาของไปวางไว้บนชั้นประจำตำแหน่งที่จะนั่ง  แต่ไม่นานพี่แอร์ก็มาทักและขอดูตั๋ว  แล้วบอกให้เราย้ายเพราะนั่งผิดที่  ผมก็เขินๆแล้วก็ย้ายไปแถวถัดไป พร้อมกล่าวขอโทษผู้โดยสารเจ้าของที่  ที่นั่งผมดีเลยทีเดียวติดหน้าต่างมองทัศนียภาพได้โดยไม่ติดปีก

          ในขณะที่เครื่องกำลังจะขึ้นพี่แอร์ก็แนะนำให้ปิดเครื่องมือสื่อสาร คาดเบลท์ ผมสนใจวิธีการต่างๆที่พี่แนะนำมากทั้งการใช้เครื่องช่วยหายใจ  เสื้อนิรภัย อะไรต่างๆหากเกิดเหตุฉุกเฉิน  เพราะหวังว่าในอนาคตอาจได้ยืนในตำแหน่งนั้นบ้าง (ทั้งที่ความเป็นจริง  ก็คงจะทำได้แค่ฝัน)  สักพักเครื่องก็แล่นและ
เทคออฟ  บินไปทางทิศใต้ตามทิศทางลมก่อนจะวนขึ้นเหนือเพื่อไปยังจุดมุ่งหมาย  ไฟเล็กๆตามทางที่เคยเห็นค่อยๆเล็กลง เล็กลง เล็กลง และหายไปจากสายตา

          ไม่รู้ว่าทำไมหิวน้ำบ่อยเหลือเกิน  เครื่องขึ้นไปได้สักพักกะว่าจะหลับเอาแรง  แต่หลับไม่ลงจริงๆเพราะว่าคอแห้ง  หรืออาจจะเป็นเพราะผมหลับมาตลอดทางทั้งวันด้วยแหละ  ทำให้ไม่รู้สึกเพลียเลยสักนิด
"..ขอน้ำเปล่าครับ.."
          เมื่อเครื่องไต่ถึงระดับที่เหมาะสม พี่แอร์สาวสุดสวยก็นำน้ำมาบริการ  ผมขอน้ำเปล่าส่วนแม่น้ำส้ม พอพี่ผ่านมาอีกครั้งผมก็ขออีกแก้ว  พี่แอร์ก็ยังบริการด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส  ช่วงนี้เห็นผู้โดยสารคนอื่นๆขยับผมก็ขยับตามเพราะเกร็งมานานจนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  พอทำธุระเสร็จก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตกใจเพราะเมื่อเราฟลัชของเสียต่างๆจะถูกดูดลงไอย่างรวดเร็วและเสียงดังมาก  อยากจะกดอีกทีว่าทำไมมันถึงได้เร็วปานนั้น  แต่ก็เกรงใจคนที่ต่ออยู่เลยรีบกลับไปประจำที่  เวลาอยู่บนพื้นจะเห็นข้างบนมีดาว  ใต้เท้าเป็นดิน  แต่พอเราอยู่บนฟ้านอกหน้าต่างตอนนี้  ข้างล่างเราเปลี่ยนเป็นเมฆ  แต่ข้างบนเราก็ยังเป็นดาวเหมือนเดิม

"..ขณะนี้เครื่องบินกำลังเข้าสู่สภาวะภูมิอากาศแปรปรวน  ขอให้้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่..."
          ประโยคเต็มผมจำไม่ได้  แต่จับใจความได้ประมาณนี้  ณ  ตอนนั้นยังคิดเลยว่าแบบนี้ละมั้งที่เค้าเรียกว่าตกหลุมอากาศ  ใครบอกว่าเหมือนรถตกหลุมอย่าไปเชื่อ  หูผมเอื้อไปหมด  ข้างนอกมีแสง
แปลบๆยิ่งทำให้น่ากลัวไปกันใหญ่  อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน  แต่อยู่บนฟ้าแบบนี้ก็กลัวฟ้าแลบฟ้าร้องเหมือนกันนะเอออ พอบินผ่านมาได้ผมตาค้างเลย  นอนไม่หลับและคิดว่าผู้โดยสารคนอื่นก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน ...ขึ้นเครื่องครั้งแรก  คงจะไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง

"รับอะไรดีคะ"
          พี่แอร์คนสวยนำอาหารมาบริการเราแล้ว  ผมเลือกออมเลตไข่  ในถาดมีทั้งขนมปัง เนย ผลไม้ เค้กมาให้  ผมกินทีละอย่างจนหมดและช่วยแม่กินส่วนที่เหลือ  (ท้องหรือว่าอะไรนี่)  
          ท้องฟ้าตอนนี้มีด้านที่มืดและสว่าง  ถ้าเราอยู่บนพื้นโลกคงจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้  ขอบฟ้าด้านที่เราไปสว่างจนเห็นเมฆเป็นสีชมพู  ส่วนด้านหลังที่ผ่านมายังมืดๆอยู่  อีกไม่นานเราคงจะถึงจุดหมาย  เพราะด้านล่างเริ่มเห็นเกาะแก่งและท้องทะเล  ผมจินตนาการไปถึงตอนที่นั่งดูภาพถ่ายดาวเทียมจากกูเกิลเอิร์ธ ที่เปลี่ยนจากจอคอมพิวเตอร์ มาเป็นหน้าต่างของเครื่องบิน

"...ตุ๊บ..."
          เสียงตุ๊บในครั้งนี้ทำผมใจหายวาบไปเลย  หลังจากแลนดิ้งแล้วในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน  ปรับนาฬิกาเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนที่จะต้องผ่านด่านสำคัญ
          กว่าจะไปถึงก็ไกลโขอยู่ทั้งนั่งรถไฟใต้ดิน  ทั้งเดินขึ้นลงบันไดสารพัด  ตม.ที่นี่สายตาพิฆาตมาก 
มองแวบเดียวรู้  ใครมาเที่ยวใครมาทำผิดกฎหมาย  แต่ในเมื่อเราบริสุทธิ์ใจเราจะกลัวอะไร  แม่ผ่านไปก่อนไปได้ง่ายเพราะมีตราประทับหลายประเทศแล้ว  ส่วนผมก็สบสายตาโหดๆด้วยสายตาดวงเล็กที่เยิ้มพร้อมกับยิ้มที่หวานหยด  แล้วก็ผ่านออกมาได้ จึงไปรอสมาชิกคนอื่นๆในกรุ๊ปทัวร์ที่โถง

          ระหว่างที่นั่งรอก็สังเกตุอะไรตามประชาคนชอบดู  เห็นนั่นเห็นนี่ที่แปลกตา  ก็ตื่นเต้น^^เรานั่งรอพี่ไกด์เช็คสมาชิกในกรุ๊ป  แต่เมื่อถึงเวลาก็พบว่าสมาชิกบางคนได้หายไป  โดยเซนต์แล้วสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าสมาชิกบางคนไม่ได้ไปต่อ  แล้วพวกเราก็ไปขึ้นรถกันโดยจุดหมายแรกก็คือ....

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ສະບາຍດີເມືອງລາວ 1 (ໄຊຍະບູລີ) ... สบายดีเมืองลาว 1 (เมืองไซยะบุรี)

9 พระพุทธรูปและพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์รอบเจดีย์ชเวดากอง : 9 wonders of Shwedagon Pagoda

เลาะเลี้ยวเที่ยวเมืองตาก...เก็บสตรอว์เบอร์รี ดูเมล็ดกาแฟอาราบีก้า ที่ดอยมูเซอ